วันที่ 6 พฤษภาคม 2020                        

สติปัญญาของพระเจ้ากับความฉลาด
DIVINE WISDOM VERSUS INTELLIGENCE

ถึงกระนั้นเรากล่าวถึงปัญญาในท่ามกลางคนที่เป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่ไม่ใช่ปัญญาของยุคนี้ หรือของอำนาจครอบครองยุคนี้ ซึ่งกำลังเสื่อมสูญไป แต่เรากล่าวถึงพระปัญญาของพระเจ้าซึ่งเป็นความล้ำลึก คือพระปัญญาที่ทรงซ่อนไว้นั้น และที่พระเจ้าทรงกำหนดไว้ก่อนปฐมกาล เพื่อการรับศักดิ์ศรีของเรา (1 โครินธ์ 2:6-7)

มีความแตกต่างระหว่างความฉลาดและสติปัญญา มีคนมากมายที่ดำเนินชีวิตอยู่ด้วยความฉลาด และถึงแม้จะมี “ความฉลาด ” ชีวิตก็เอาชนะพวกเขาได้ ความฉลาดเป็นส่วนหนึ่งของลักษณะที่เหมือนสัตว์ของเรา มนุษย์ได้รับความฉลาดที่สูงที่สุดเท่านั้น แต่เมื่อคุณบังเกิดใหม่คุณได้ถูกย้ายออกจากความฉลาดของมนุษย์ไปสู่สติปัญญาของพระเจ้า

สติปัญญาคือสิ่งที่ทำให้คุณมีการตีความหมายของพระเจ้า สิ่งนี้ทำให้คุณมีความเข้าใจในความเป็นจริง ยกตัวอย่างเช่น ใน ลูกา 8:51-56 เด็กคนหนึ่งป่วย และพ่อได้มาเชิญพระเยซู แต่ก่อนที่เขาจะมาถึง เด็กก็เสียชีวิต ดังนั้นพวกเขาจึงบอกเขาว่าเด็กได้เสียชีวิตแล้ว แต่เขาก็ไปต่อ พระคัมภีร์กล่าวว่า “บ้านนั้นเต็มไปด้วยผู้คนที่กำลัง​ร้อง​ไห้​ทุกข์​โศก…” พระเยซูตรัสกับพวกเขาว่า หยุดร้องไห้! เธอยังไม่ตาย เธอเพียงแค่นอนหลับ” (ลูกา 8:52 ฉบับ NLT) นั่นคือการพูดด้วยสติปัญญา แต่พวกเขาคิดว่าพระองค์บ้า เพราะตาม “ความฉลาด” ของพวกเขาแล้ว (ความเข้าใจทางชีวภาพ) เด็กหญิงเล็กๆนั้นตายแล้วหัวใจของเธอหยุดเต้นแล้ว

แต่ชีวิตคือวิญญาณ และพระเยซูทรงเข้าใจสิ่งนี้ พระองค์คือสติปัญญาที่มาในสภาพของบุคคล สติปัญญารู้ว่าเด็กคนนี้กำลังหลับอยู่ ทั้งหมดที่พระองค์พูดก็คือ ลูก​เอ๋ย ลุก​ขึ้น​เถิด และพระคัมภีร์กล่าวว่าเด็กหญิงคนนั้นก็กลับมีชีวิต! นี่คือสิ่งที่พระเจ้ากำลังนำคุณเข้าไป นั่นคือความสมบูรณ์แบบของสติปัญญาของพระองค์ในตัวคุณที่นำคุณให้สอดคล้องกับความคิดและวิธีการของพระองค์ในการทำสิ่งต่างๆ หลังจากนั้นคุณก็จะเห็นอย่างที่พระเจ้าเห็น นั่นคือคุณเข้าใจจากมุมมองของพระองค์

วิธีเดียวที่คุณจะสามารถเห็นอย่างที่พระเจ้าทรงเห็น ก็คือการใช้แว่นตาแห่งพระคำของพระองค์ ทันใดนั้นกระบวนการคิดของคุณจะถูกยกให้สูงขึ้น นั่นคือความคิดของคุณจะได้รับการเปลี่ยนแปลงใหม่ แม้แต่การรับรู้ถึงตัวตนของคุณเองและการตีความสถานการณ์ในชีวิตของคุณก็จะเปลี่ยนไปเนื่องจากพันธกิจของสติปัญญาของพระเจ้าในชีวิตของคุณ

ถ้อยคำแห่งความเชื่อ

พระคริสต์ได้ถูกทำให้เป็นสติปัญญาของฉัน! ฉันดำเนินชีวิตอย่างมีชัยชนะโดยใช้ประโยชน์จากพระคำของพระเจ้าและพระคุณของพระองค์ที่มีให้แก่ฉัน ฉันมีความสว่าง ความเข้าใจ และสติปัญญาที่ยอดเยี่ยม ฉันเดินในชัยชนะ ในการงาน ธุรกิจ ครอบครัว การเงิน และทุกอย่างที่เกี่ยวกับชีวิตของฉัน อาเมน

ศึกษาเพิ่มเติม

สุภาษิต 2:6

อ่านพระคัมภีร์ให้จบใน 1 ปี

ยอห์น 3:1-21 & ซามูเอล 22

อ่านพระคัมภีร์ให้จบใน 2 ปี

1 โครินทร์ 4:11-21 & สุภาษิต 2


วันอังคารที่ 5 พฤษภาคม 2020                 

เกียรติของการรับใช้ในพระนิเวศของพระเจ้า
THE HONOUR OF SERVICE IN GOD’S HOUSE

ถ้าการงานของใครถูกเผาไหม้ไป คนนั้นก็จะได้รับความสูญเสีย ส่วนตัวเขาเองจะรอด แต่เหมือนดังรอดจากไฟ (1 โครินธ์ 3:15)

การเป็นผู้นำเป็นเกียรติที่ยิ่งใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องการเมือง การปกครอง การศึกษา การได้รับการเรียกให้เป็นผู้นำของคนเป็นเกียรติที่ยิ่งใหญ่เสมอ อย่างไรก็ตามการเป็นผู้นำในพระนิเวศของพระเจ้านั้นมีเกียรติที่ยิ่งใหญ่กว่า เพราะว่าเป็นบทบาทที่เป็นของพระคริสต์ มันเกี่ยวกับการงานของพระองค์ สิ่งนี้หมายความว่าการงานบางอย่างของพระเจ้าได้ถูกมอบหมายให้แก่คุณ

ใน มัทธิว 16:18 พระเยซูตรัสว่า “…เรา​จะ​สร้าง​คริสต​จักร​ของ​เรา​ไว้และ​พลัง​แห่ง​ความ​ตาย​จะ​มี​ชัย​ต่อ​คริสต​จักร​ไม่​ได้ โปรดสังเกตว่าพระองค์ไม่ได้พูดว่า “ให้เราสร้างคริสตจักรของเรา” แต่พระองค์พูดว่า “เรา​จะ​สร้าง​คริสต​จักร​ของ​เรา​” ส่วนหนึ่งของวิธีที่พระองค์สร้างคริสตจักรของพระองค์คือผ่านทางคนเหล่านั้นที่พระองค์ทรงกำหนดให้นำและสอนคนของพระองค์ นั่นคือผู้นำของคริสตจักร ทุกส่วนของงานที่เราดำเนินการเพื่อทำให้นิมิตของพระองค์สำเร็จเป็นความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่ เพราะว่านั่นหมายความว่าพระองค์กำลังดำเนินการผ่านเรา ถ้าเป็นเช่นนั้นแล้ว เราก็ถูกคาดหวังว่าเราจะทำทุกสิ่งในพระนามของพระองค์และตามน้ำพระทัยของพระองค์ ไม่ใช่ตามความประสงค์ของเรา เพราะว่าพระองค์ได้ทรงประทานเกียรติในการรับใช้ในบ้านของพระองค์ให้แก่เรา

สิ่งนี้จะช่วยให้คุณทราบถึงระดับของความพึงพอใจที่เราควรมีต่อการรับรู้แบบนี้ในพระนิเวศของพระเจ้า ไม่ว่าคุณจะได้รับมอบหมายให้ทำสิ่งใดในพระนิเวศของพระเจ้า จงให้เกียรติ จงเพลิดเพลินและให้คุณค่ากับสิ่งนั้นและทำเหมือนทำถวายแด่พระคริสต์ จงจัดการด้วยความความเอาใจใส่ เพราะว่าในที่สุดแล้วพระคัมภีร์กล่าวว่าเราทุกคนจะต้องรับผิดชอบต่อพระเจ้าสำหรับทุกสิ่งที่เราทำ

จงระลึกว่าในตอนท้ายของทุกสิ่งจะมีการพิพากษาหลัก 2 อย่าง จะมีการพิพากษาหน้า​บัล​ลังก์​ของ​พระ​คริสต์ ซึ่งจะได้รับบำเหน็จและคำสรรเสริญจากพระองค์ แต่บางคนจะได้รับเกียรติมากกว่าคนอื่น บางคนอาจสูญเสียบำเหน็จของพวกเขาเนื่องจากแรงจูงใจของพวกเขา พระองค์ไม่ต้องการให้เรารับใช้พระองค์ออกมาจากความทะเยอทะยานหรือความปรารถนาทางเนื้อหนัง พระองค์ต้องการให้เราทำงานของพระองค์ด้วยความรัก ด้วยความถ่อมใจ ด้วยการเชื่อฟังพระองค์ และรับใช้ตามน้ำพระทัยของพระองค์ จงรับใช้องค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยความเต็มใจ ด้วยการทุ่มเทหมดหัวใจและทำให้พอพระทัยในทุกสิ่ง

คำอธิษฐาน

พระบิดาที่รัก ขอบพระคุณสำหรับเกียรติและพระพรในการรับใช้ในบ้านของพระองค์และในแผ่นดินของพระเจ้า หัวใจและความคิดของข้าพระองค์ได้รับการชำระให้บริสุทธิ์เพื่อผลิตการงานที่เป็นที่ยอมรับของพระองค์ในขณะที่ข้าพระองค์รับใช้ด้วยความรัก และด้วยความถ่อมใจ และด้วยการเชื่อฟังพระองค์ ในพระนามพระเยซู อาเมน

ศึกษาเพิ่มเติม

2 ยอห์น 1:8; วิวรณ์ 3:11

อ่านพระคัมภีร์ให้จบใน 1 ปี

 ยอห์น 2:1-25 & ซามูเอล 20-21

อ่านพระคัมภีร์ให้จบใน 2 ปี

 1 โครินทร์ 4:1-10 & สุภาษิต 1


วันจันทร์ที่ 4 พฤษภาคม 2020                  

ได้รับการเสริมพลังเพื่อการประกาศนำดวงวิญญาณ
EMPOWERED FOR SOUL WINNING

เมื่อเขาทั้งหลายอธิษฐานแล้ว ที่ซึ่งพวกเขาประชุมอยู่นั้นก็หวั่นไหว แล้วพวกเขาเต็มเปี่ยมด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์และกล่าวพระวจนะของพระเจ้าด้วยใจกล้าหาญ (กิจการ 4:31)

หลักฐานสำคัญเพียงอย่างเดียวที่แสดงให้เห็นว่าคนใดได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์อย่างแท้จริงก็คือการประกาศนำดวงวิญญาณ นั่นคือการประกาศข่าวประเสริฐแบบเต็มไปด้วยพลัง ทุกคนที่ถูกเติมให้เต็มไปด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์พูดพระคำด้วยความกล้าหาญ พระคำกำชับเราไม่เพียงแค่ให้ได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์เท่านั้น แต่ต้องได้รับการเติมให้เต็มไปด้วยพระองค์อย่างต่อเนื่อง (เอเฟซัส 5:18)

พระเยซูตรัสว่า ถ้าใครกระหาย ให้คนนั้นมาหาเรา​ (ยอห์น 7:37) เมื่อเมาพระองค์แล้ว ควรมีอะไรติดตามมา? พระองค์ให้คำตอบในข้อถัดไปว่า “…แม่น้ำที่มีน้ำดำรงชีวิตจะไหล  (พรั่งพรู) ออกมาจากภายในคนนั้น (ของคุณ)” หลักฐานที่แสดงว่าคุณเมาพระวิญญาณคือการพรั่งพรู น้ำพุแห่งพระคำของชีวิตที่ไหลออกจากคุณไปสู่โลก

จงอ่านพระคัมภีร์! สิ่งที่สม่ำเสมอมากที่สุดที่เกิดขึ้นหลังจากที่คนถูกเติมให้เต็มไปด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ในสมัยพระคัมภีร์ก็คือพวกเขาพูดพระคำของพระเจ้าด้วยความกล้าหาญ เมื่ออัครทูตได้อธิษฐานและเต็มไปด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ดังที่อ่านในข้อพระคัมภีร์หลักของเรา ผลก็คือพวกเขาพูดพระคำด้วยความกล้าหาญ! ชีวิตของพวกเขาสำแดงให้เห็นถึงพระสิริในการประกาศนำดวงวิญญาณ

พระวิญญาณบริสุทธิ์เสด็จเข้ามาในชีวิตของคุณเพื่อทำให้คุณเป็นพยาน พระเยซูตรัสว่า แต่พวกท่านจะได้รับพระราชทานฤทธานุภาพ เมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์เสด็จมาเหนือท่าน และท่านทั้งหลายจะเป็นสักขีพยานของเรา…” (กิจการ 1:8) ถ้าคุณอายในการประกาศข่าวประเสริฐ นั่นหมายความว่าคุณไม่ได้ตระหนักถึงพระวิญญาณบริสุทธิ์ในชีวิตของคุณ เพราะว่าพระวิญญาณประทานความกล้าหาญให้แก่คุณเพื่อยืนหยัดเพื่อพระเยซูคริสต์

คุณไม่สามารถมีพระวิญญาณบริสุทธิ์และไม่รู้วิธีที่จะประกาศนำดวงวิญญาณได้ ทุกสิ่งที่คุณต้องทำก็แค่ก้าวออกไป นั่นคือตัดสินใจที่จะพูดถึงพระเยซูกับใครบางคน และเมื่อคุณอ้าปากของคุณ พระวิญญาณบริสุทธิ์จะใส่คำพูดเข้าไปในปากของคุณที่พวกเขาจะไม่สามารถต่อต้านหรือคัดค้านได้ ความกล้าหาญของวิญญาณจะถูกปลุกเร้าภายในตัวคุณ มีความล้ำลึกในพระเจ้าที่คุณจะไม่มีทางรู้จนกว่าคุณจะเริ่มประกาศนำดวงวิญญาณ ดังนั้นจงตื่นเต้นที่จะทำสิ่งนี้ ในขณะที่คุณทำคุณจะเพลิดเพลินไปกับพระสิริและพระพรของการเป็นคริสเตียนเกินกว่าที่คุณคิดว่าจะเป็นไปได้ สรรเสริญพระเจ้า!

ถ้อยคำแห่งความเชื่อ

พระเจ้าได้มอบข่าวประเสริฐที่เปี่ยมไปด้วยพระสิริของพระเจ้าที่สมควรแก่การสรรเสริญไว้แก่ฉัน และฉันอุทิศตัวที่จะเผยแพร่สิ่งนี้ไปทั่วโลก ฉันเป็นผู้อารักขาฤทธิ์อำนาจแห่งการช่วยให้รอดของพระองค์ ซึ่งเปิดเผยความชอบธรรม ชีวิตนิรันดร์ และลิขิตชีวิตสำหรับมนุษยชาติทุกคน ฉันเป็นความสว่างของพระองค์ในโลกที่มืดมิด ซึ่งได้รับการเติมให้เต็มด้วยความสามารถในการนำมนุษย์มาสู่ความชอบธรรม สาธุการแด่พระเจ้า!

ศึกษาเพิ่มเติม

สดุดี 67:2;  โรม 15:18

อ่านพระคัมภีร์ให้จบใน 1 ปี

ยอห์น 1:19-51 & ซามูเอล 18-19

อ่านพระคัมภีร์ให้จบใน 2 ปี

1 โครินทร์ 3:10-23 & สดุดี 149-150


วันอาทิตย์ที่ 3 พฤษภาคม 2020

ชีวิตคือการแข่งขัน
LIFE IS A RACE

ท่านทั้งหลายรู้แล้วไม่ใช่หรือว่าพวกที่วิ่งแข่งนั้นก็วิ่งด้วยกันทุกคน แต่คนที่ได้รางวัลนั้นมีเพียงคนเดียว? จงวิ่งเหมือนผู้ที่จะชิงรางวัลให้ได้ (1 โครินธ์ 9:24)

พระคัมภีร์ฉบับ Amplified Classic ข้างบนกล่าวว่า ท่านทั้งหลายไม่รู้หรือว่าในการแข่งขันนั้นนักวิ่งทุกคนจะแข่งขันกัน แต่มีเพียงคนเดียว [เท่านั้น] ที่ได้รับรางวัล? ดังนั้นจงวิ่ง [ในการแข่งขันของท่าน] เพื่อท่านจะได้รับ [รางวัล] และทำให้เป็นของท่าน” ชีวิตคือการแข่งขัน การชิงชัย ดังนั้นในการแข่งขันของชีวิต คุณต้องวิ่งเพื่อให้ได้รับรางวัล อย่า “วิ่ง” (ดำเนินชีวิต) ราวกับว่ามันไม่สำคัญ

ในข้อที่ 25 ของ 1 โครินธ์ 9 เปาโลกล่าวว่า ส่วนนักกีฬาทุกคนก็ควบคุมตัวเองในทุกด้าน พวกเขาทำเพื่อจะได้มงกุฎใบไม้ที่ร่วงโรยได้ แต่มงกุฎของเราจะไม่ร่วงโรยเลย การควบคุมในทุกด้านหมายถึงการควบคุมตนเอง เพื่อเล่นตามกฎ ในการแข่งขันของชีวิตคุณต้องระมัดระวังสิ่งที่คุณทำและวิธีที่คุณดำเนินชีวิต เพราะว่าคุณอยู่ในการแข่งขันเพื่อเอาชนะ

ถ้าผู้ที่แข่งขันในกรีฑาเพื่อ “มงกุฎ​ที่ร่วง​โรยได้” จำกัดอาหารของตนเองและวิ่งอย่างมีวัตถุประสงค์และความเด็ดขาด แล้วเราผู้ที่การแข่งขันเป็นเรื่องฝ่ายวิญญาณและมงกุฎของเรา “ไม่​​วัน​ร่วง​โรยเลย” ล่ะ? ดังนั้นจงดำเนินชีวิตด้วยความตั้งใจที่จะได้รับรางวัลจากพระเยซูคริสต์

การเดินแห่งความเชื่อและในความเชื่อของเรานั้นไม่ได้มีไว้เพื่อความว่างเปล่า มีรางวัลที่จะได้รับ แต่ก็มีวินัยที่จะต้องทำด้วย ถ้าคุณต้องการชนะ การมีชีวิตที่ดีต้องมีวินัย วินัยในการทำตามพระคำและยอมจำนนต่อการทรงนำของพระวิญญาณ นั่นคือสิ่งที่รับประกันถึงชัยชนะของคุณ

ถ้อยคำแห่งความเชื่อ

ฉัน​ไม่​ถือ​ว่า​ฉัน​ได้ฉวย​ไว้​ได้​แล้ว แต่​​ฉัน​ทำ​อย่าง​หนึ่ง คือ​ลืม​สิ่ง​ที่​ผ่าน​พ้น​มา​แล้ว​เสีย และ​โน้ม​ตัว​ออกไป​หา​สิ่ง​ที่​อยู่​ข้างหน้า​ ฉัน​กำลัง​บาก​บั่น​มุ่ง​ไปสู่​หลัก​ชัย เพื่อ​จะ​ได้รับ​รางวัล ซึ่ง​ใน​พระ​เยซู​คริสต์ ​พระ​เจ้า​ได้​ทรง​เรียก​จาก​เบื้อง​บนให้​​ไป​รับ​ ฉันเป็นนักกีฬาฝ่ายวิญญาณ ได้รับการฝึกฝนสำหรับชีวิตแห่งชัยชนะด้วยพระคำ สรรเสริญพระเจ้า!

ศึกษาเพิ่มเติม

ฮีบรู 12:1; 1 โครินธ์ 9:25-27

อ่านพระคัมภีร์ให้จบใน 1 ปี

ยอห์น 1:1-18 & ซามูเอล 15-17

อ่านพระคัมภีร์ให้จบใน 2 ปี

1 โครินทร์ 3:1-9 & สดุดี 147-148