วันอาทิตย์ ที่ 31 พฤษภาคม 2020

ยาเม็ดของความเชื่อ
THE “PILL” OF FAITH

พระเยซูตอบว่าทำไมคุณถึงพูดว่าถ้าช่วยได้’? ทุกสิ่งเป็นไปได้สำหรับคนที่มีความเชื่อ! (มาระโก 9:23 ฉบับ CEV)

ลองจินตนาการว่าคุณได้รับยาเม็ดและถูกบอกว่าถ้าคุณกินยาเม็ดนี้ ไม่สำคัญว่าจะเป็นความอ่อนแอ ความเจ็บป่วย โรค หรือความเจ็บป่วยชนิดใดที่โจมตีร่างกายของคุณ และไม่สำคัญว่าปัญหานั้นจะอยู่ที่ไหน ยาเม็ดนั้นก็จะทำให้เกิดการรักษา คุณจะตอบสนองอย่างไร? ฉันแน่ใจว่าคุณจะไม่ลังเลที่จะสั่งซื้อยาเม็ดนั้นทันที คุณต้องการที่จะสั่งเผื่อไว้ด้วยซ้ำ

แต่คุณรู้ไหมว่ามียาเม็ดอย่างนี้จริงๆ? มันมีชื่อว่าเม็ดยาแห่ง “ความเชื่อ”! ในมาระโก 9:23 พระเยซูตรัสว่า ถ้าคุณสามารถเชื่อได้ ทุกสิ่งเป็นไปได้สำหรับคนที่มีความเชื่อ คำว่า “เชื่อ” ตามที่ใช้ในฉบับ King James และฉบับแปลอื่นๆ ถูกนำไปใช้อย่างผิดๆมันมาจากคำๆเดียวกับคำว่า “ความเชื่อ” แต่เป็นรูปแบบของคำกริยา ความเชื่อเป็นคำนาม และ “เชื่อ” เป็นคำกริยาของความเชื่อ นี่หมายความว่าข้อพระคัมภีร์ข้อนี้ควรแปลว่า “ทุกสิ่งเป็นไปได้สำหรับคนที่มีความเชื่อ”

ฉบับ CEV ซึ่งเราอ้างอิงมาในข้อพระคัมภีร์หลักของเราแปลได้อย่างแม่นยำกว่า ซึ่งกล่าวว่า “ทุกสิ่งเป็นไปได้สำหรับคนที่มีความเชื่อ!” ช่างเป็นความมั่นใจจริงๆ! และการอ่านจากข้อที่ 21 ทำให้มีความเข้าใจมากขึ้น พระเยซูไม่ได้ตรัสว่า “หลายสิ่งที่เป็นไปได้ถ้าคุณมีความเชื่อ” แต่กล่าวว่า

“ทุกสิ่งเป็นไปได้” หมายความว่าไม่สำคัญว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร พระเจ้าได้ให้ฤทธิ์อำนาจแก่คุณในการทำให้ชีวิตของคุณงดงาม คุณสามารถทำสิ่งใดก็ได้และเปลี่ยนแปลงสิ่งใดก็ได้ที่ขัดต่อน้ำพระทัยของพระเจ้าสำหรับคุณด้วยความเชื่อ

เมื่อเหล่าสาวกกลัวและร้องขอความช่วยเหลือจากพระเยซูเมื่อพวกเขาเผชิญกับสภาพอากาศที่แปรปรวน พระคัมภีร์กล่าวว่าพระองค์หันไปมาหาพวกเขาและกล่าวว่า ความ​เชื่อ​ของ​ท่าน​ทั้ง​หลาย​อยู่​ที่​ไหน?” (ลูกา 8:25) กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือจงใช้ยาเม็ดนั้น! สิ่งนี้สามารถทำอะไรก็ได้ จะไม่มีความสิ้นหวังหรือความหมดหวังในชีวิตของคุณ ถ้าคุณทำให้ความเชื่อของคุณทำงาน ฮาเลลูยา!

ถ้อยคำแห่งความเชื่อ

สาธุการแด่พระเจ้า! ฉันเอาชนะโลกนี้ พร้อมทั้งระบบและโครงสร้างของมันแล้ว ความเชื่อของฉันแข็งแกร่งและมีประสิทธิภาพสำหรับความสำเร็จ ชัยชนะ และความมีชัยอย่างต่อเนื่อง! ฉันปราศจากความกลัว เพราะว่าไม่มีสิ่งใดที่เป็นไปไม่ได้สำหรับฉัน ชีวิตของฉันได้ถูกวางกรอบไว้อย่างต่อเนื่องโดยพระคำของพระเจ้าซึ่งส่งผลให้เกิดการสรรเสริญและพระสิริแด่พระบิดาอย่างเพิ่มพูนขึ้น ฮาเลลูยา!

ศึกษาเพิ่มเติม

มาระโก 11:22-23; กาลาเทีย 3:7; 2 โครินธ์ 4:13

อ่านพระคัมภีร์ให้จบใน 1 ปี

 ยอห์น 15:18-16-16 & 1 พงศาวดาร 5-6

อ่านพระคัมภีร์ให้จบใน 2 ปี

 1 โครินทร์ 14:31-40 & สุภาษิต 27


วันเสาร์ที่ 30 พฤษภาคม 2020

คริสเตียนไม่สามารถถูกผีสิงได้
A CHRISTIAN CAN’T BE DEMON-POSSESSED

และพระองค์ทรงทำให้เราเป็นขึ้นมาด้วยกันกับพระคริสต์ และทรงให้เรานั่งด้วยกันกับพระองค์ในสวรรค์สถานในพระเยซูคริสต์ (เอเฟซัส 2:6)

หลายคนถามว่า “คริสเตียนสามารถถูกผีสิงได้ไหม?” คริสเตียนอาจได้รับอิทธิพลจากวิญญาณชั่ว แต่จริงๆแล้วเขาไม่สามารถถูกผีสิงได้ การที่คริสเตียนจะถูกผีสิงได้หมายความว่าเขาหรือเธอได้ตั้งใจและจงใจที่จะเลิกเชื่อในพระเยซูคริสต์ นั่นคือละทิ้งความเชื่อ

ตามพระคัมภีร์แล้วสภาพดังกล่าวไม่สามารถกู้คืนได้ เพราะว่าบุคคลนั้นเต็มใจมอบตัวเองให้กับซาตาน แต่คริสเตียนที่แท้จริงไม่สามารถอยู่ในสถานการณ์เช่นนั้นได้ เพราะว่าเขาเหนือกว่าซาตานไม่ว่าคริสเตียนจะเคยยอมแพ้ต่อการเบียดเบียนของซาตานอย่างไร ในวันที่เขาเองตระหนักและพูดว่า “ไม่” นั่นจะเป็นจุดสิ้นสุดแห่งการควบคุมของซาตานในชีวิตของเขา ยากอบ 4:7 กล่าวว่า เพราะ​ฉะนั้น พวก​ท่าน​จง​นอบ​น้อม​ต่อ​พระ​เจ้า จง​ต่อ​สู้​กับ​มาร แล้ว​มัน​จะ​หนี​ท่าน​ไป

สำหรับคริสเตียนแล้วปัญหาไม่ใช่เรื่องเกี่ยวกับผีเข้าสิง แต่เป็นเรื่องเกี่ยวกับการยอมจำนนต่อวิญญาณชั่วที่ทำให้พวกเขาทำสิ่งที่น่ากลัว และในกระบวนนั้นก็ทำลายชีวิตของพวกเขาเอง บ่อยครั้งที่คริสเตียนแบบนี้ไม่มีความรู้ที่เพียงพอในพระคำของพระเจ้าที่จะดำเนินชีวิตแบบอื่น (โฮเชยา 4:6) คริสเตียนนั่งร่วมกับพระคริสต์สูง​ยิ่ง​เหนือ​บรรดา​เทพ​ผู้​ครอง เหนือ​ศักดิ​เทพ เหนือ​อิทธิ​เทพ เหนือ​เทพ​อาณาจักร และ​เหนือ​นาม​ทั้ง​ปวง​ที่​เขา​เอ่ย​ขึ้น (เอเฟซัส 2:4-7; 1:19-21) ฮาเลลูยา!

ถ้าสิ่งที่กล่าวนี้เป็นจริง (และขอบคุณพระเจ้าที่สิ่งนี้เป็นจริง) แล้วทำไมเขาถึงต้องการ “การบำบัดปลดปล่อย” จากซาตาน ไม่ต้องกล่าวถึงการถูกมันเข้าสิงด้วยซ้ำ? แม้ว่าคริสเตียนอาจได้รับอิทธิพลหรือถูกมารเบียดเบียนได้ แต่ทางแก้ก็คือพระคำของพระเจ้า สดุดี 119:130 กล่าวว่า การ​เข้าถึง​พระ​วจนะ​ของ​พระ​องค์​ให้​ความ​สว่าง...” ถ้าคุณได้รับพระคำของพระเจ้า ความสว่างของพระองค์เข้าไป คุณและยอมรับสิ่งนี้ไว้สิ่งนี้ก็จะดีดการปรากฏตัวทุกอย่างของซาตานออกไป นั่นคือความมืดจะถูกขับไล่ออกไป

นี่คือเหตุผลที่การศึกษาและใคร่ครวญพระคำควรเป็นสิ่งที่มีความสำคัญสูงสุดสำหรับคุณในฐานะลูกของพระเจ้า จงรู้และดำรงอยู่ในพระคำ และใช้การครอบครองของคุณในพระคริสต์

ถ้อยคำแห่งความเชื่อ

พระคริสต์ทรงถูกยกย่องในตัวฉัน วิญญาณ จิตใจ และร่างกาย ฉันมีความสว่างแห่งชีวิต ไม่มีความมืดในตัวฉันเลย ฉันเต็มไปด้วยความชื่นชมยินดี สันติสุข ความรัก ความเมตตา และได้รับการเติมให้เต็มด้วยพระวิญญาณอย่างต่อเนื่องขณะที่ฉันเดินในความสว่างของพระคริสต์ ในพระนามพระเยซู อาเมน

ศึกษาเพิ่มเติม

เอเฟซัส 2:4-7

อ่านพระคัมภีร์ให้จบใน 1 ปี

 ยอห์น 15:1-17 & 1 พงศาวดาร 3-4

 อ่านพระคัมภีร์ให้จบใน 2 ปี

1 โครินทร์ 14:20-30 & สุภาษิต 26


วันศุกร์ที่ 29 พฤษภาคม 2020

วัฒนธรรมของพระคริสต์
THE CHRIST CULTURE

อย่าลอกเลียนแบบอย่างคนในยุคนี้ แต่จงรับการเปลี่ยนแปลงจิตใจแล้วอุปนิสัยของท่านจึงจะเปลี่ยนใหม่ เพื่อท่านจะได้ทราบพระประสงค์ของพระเจ้า จะได้รู้ว่าอะไรดี อะไรเป็นที่ชอบพระทัยและอะไรดียอดเยี่ยม (โรม 12:2)

ในความเป็นคริสเตียน เรามีวัฒนธรรม นั่นคือวัฒนธรรมของพระคริสต์ หลายคนเข้ามาในพระคริสต์พร้อมกับวัฒนธรรมของตนเองและพยายามหลายวิธีที่จะมีอิทธิพลต่อคริสตจักรด้วยวัฒนธรรมทางโลกของพวกเขา แต่วัฒนธรรมเพียงอย่างเดียวที่เราต้องทำตามและดื่มด่ำคือวัฒนธรรมของพระวิญญาณและพระคัมภีร์ ข้อพระคัมภีร์หลักของเราบอกให้เรารับการเปลี่ยนแปลงโดยการเปลี่ยนแปลงจิตใจของเรา (โรม 12:2) นั่นหมายถึงการได้รับวัฒนธรรมจากพระคำ นั่นสิ่งที่คุณต้องตัดสินใจที่จะทำ

ถ้าคุณเปลี่ยนแปลงความคิดของคุณด้วยพระคัมภีร์ คุณก็จะมีวัฒนธรรมแห่งแผ่นดินของพระเจ้า ยกตัวอย่างเช่น ในพระคริสต์เรามีวัฒนธรรมของการให้เกียรติและเคารพทุกคน ไม่ใช่เพียงแค่คนที่เราคิดว่าสมควรได้รับเกียรติเท่านั้น โรม 12:10 กล่าวว่า จง​รัก​กัน​ฉัน​พี่​น้อง จง​ขวน​ขวาย​ใน​การ​ให้​เกียรติ​กัน​และ​กัน นอกจากนี้ในมัทธิว 5:44 พระเยซูตรัสว่า แต่​เรา​บอก​พวก​ท่านว่า จง​รัก​ศัตรู​ของ​ท่าน และ​จง​อธิษ​ฐาน​เพื่อ​บรร​ดา​คน​ที่​ข่ม​เหง​พวก​ท่านนี่คือวัฒนธรรมแห่งแผ่นดินของพระเจ้า ซึ่งแตกต่างจากโลกนี้

มัทธิว 5:42 กล่าวว่า ถ้า​เขา​จะ​ขอ​สิ่ง​ใด​จาก​ท่าน ก็​จง​ให้ อย่า​เมิน​หน้า​จาก​ผู้​ที่​ต้อง​การ​ขอ​ยืม​จาก​ท่านวัฒนธรรมของเราคือการให้ด้วยความรัก คุณจะไม่หันหลังให้กับคนที่มาขอยืมจากคุณ เราช่วยเหลือและไม่ดูถูกผู้ใดเลย นี่คือวิธีที่พระเยซูดำเนินชีวิต และเราจะเลียนแบบพระองค์ ดังนั้นจงฝึกฝนตัวเองในวัฒนธรรมของพระคริสต์ ซึ่งเป็นวัฒนธรรมแห่งความรัก ความเมตตา การให้อภัย และความชอบธรรม

คำอธิษฐาน

พระบิดาที่ทรงล้ำค่า ข้าพระองค์ยอมจำนนต่อพันธกิจของพระคำและพระวิญญาณเพื่อเรียนรู้ พัฒนา และดำเนินชีวิตของพระคริสต์บนแผ่นดินโลกนี้ นั่นคือชีวิตแห่งความรัก ความเป็นเลิศ ชัยชนะ การครอบครอง และพระคุณขณะที่ข้าพระองค์ศึกษาพระคำ ความคิดของข้าพระองค์ก็ได้รับการเปลี่ยนแปลงใหม่ให้คิดและเดินในความเป็นจริงในบุคคลที่ข้าพระองค์เป็นในพระคริสต์และสำแดงออกถึงความชอบธรรมของพระองค์อย่างเต็มที่ ในพระนามพระเยซู อาเมน

ศึกษาเพิ่มเติม

ฟิลิปปี 2:5; 2 เปโตร 1:5-8

อ่านพระคัมภีร์ให้จบใน 1 ปี

 ยอห์น 14:15-31 & 1 พงศาวดาร 1-2

อ่านพระคัมภีร์ให้จบใน 2 ปี

 1 โครินทร์ 14:10-19 & สุภาษิต 25


วันพฤหัสบดีที่ 28 พฤษภาคม 2020

ความถ่อมใจในการรับใช้องค์พระผู้เป็นเจ้า
HUMILITY IN SERVING THE LORD

ในทำนองเดียวกัน พวกท่านที่อ่อนอาวุโส ก็จงยอมเชื่อฟังพวกผู้อาวุโส ท่านทุกคนจงสวมความถ่อมตัวในการปฏิบัติต่อกันและกัน เพราะพระเจ้าทรงต่อสู้คนที่หยิ่งจองหองแต่ประทานพระคุณแก่คนที่ถ่อมใจ (1 เปโตร 5:5)

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาฉันได้เห็นคริสเตียนที่มีของประทานฝ่ายวิญญาณอย่างมาก รวมถึงพันธกรต่างๆที่งานของพวกเขากลายเป็นความว่างเปล่า เพราะว่าพวกเขาไม่ได้เดินด้วยความถ่อมใจ ไม่ว่าคุณจะมีของประทานมากเพียงใด เมื่อถูกผสมด้วยความเย่อหยิ่งก็จะไม่เป็นที่ยอมรับของพระเจ้า คุณควรปรารถนาว่าไม่ว่าคุณจะถวายสิ่งใดแก่องค์พระผู้เป็นเจ้าในพันธกิจหรือในการรับใช้พระองค์ สิ่งนั้นก็จะได้รับการยอมรับและชำระให้บริสุทธิ์โดยพระวิญญาณบริสุทธิ์

ทุกสิ่งที่คุณทำในพระนิเวศของพระเจ้านั้นเป็นการถวายให้แก่พระองค์ การรับใช้ของคุณคือเครื่องบูชาที่ถวายแด่พระเจ้า แต่พระเจ้าจะไม่ยอมรับเครื่องบูชาของคุณ ถ้าถูกผสมกับความเห็นแก่ตัวและความโลภ ความหยิ่งทะนง ความเย่อหยิ่ง และความยโสโอหัง ความยิ่งใหญ่ในพระนิเวศของพระเจ้าไม่ได้ถูกวัดจากผลลัพธ์บางอย่างที่คุณบรรลุหรือประสบความสำเร็จ ข้อพระคัมภีร์ตอนเริ่มต้นของเรากล่าวว่า เพราะพระเจ้าทรงต่อสู้คนที่หยิ่งจองหอง แต่ประทานพระคุณแก่คนที่ถ่อมใจจงถ่อมใจของคุณลง นั่นเป็นสิ่งที่คุณต้องตั้งใจและจงใจฝึกฝน

เมื่อความคิดที่เย่อหยิ่งเกิดขึ้นในหัวใจของคุณ จงขนาบพวกมัน พระคัมภีร์กล่าวว่า ใคร​ยก​ตัว​ขึ้น จะ​ต้อง​ถูก​ทำ​ให้​ต่ำ​ลง ใคร​ถ่อม​ตัว​ลง จะ​ได้​รับ​การ​ยก​ขึ้น (มัทธิว 23:12) ดังนั้นคุณเห็นว่ามันเป็นเรื่องของความถ่อมใจหรือการถูกทำให้อับอาย พระคัมภีร์เต็มไปด้วยเรื่องราวของผู้ที่เย่อหยิ่งและจบลงที่ความต่ำต้อย แต่พระเจ้าไม่ต้องการให้เราไปในทิศทางนั้น

จงแก้ไขและชี้นำตัวเองด้วยพระคัมภีร์ ด้วยสติปัญญาของพระเจ้าตลอดเวลา การบังเกิดใหม่คือการบังเกิดอย่างยิ่งใหญ่ และคนที่ยิ่งใหญ่อย่างแท้จริงนั้นถ่อมใจเสมอ จงเดินอย่างถ่อมใจต่อไป เพราะว่านั่นเป็นพระพรที่ยิ่งใหญ่และเป็นหนทางสู่การสนับสนุนของพระเจ้า

คำอธิษฐาน

พระบิดาที่รัก ข้าพระองค์ยอมจำนนต่อสิทธิอำนาจ อิทธิพล และผลกระทบของพระคำของพระองค์ ความเย่อหยิ่ง ความจองหอง ความหยิ่งยโส หรือการเอาตัวเป็นศูนย์กลางไม่มีที่อยู่ในข้าพระองค์ เพราะว่าข้าพระองค์เดินในความรักและความถ่อมใจและมีประสบการณ์กับความยิ่งใหญ่ที่เพิ่มพูนขึ้นและความก้าวหน้าในชีวิตที่ไม่จำกัด ในพระนามพระเยซู อาเมน

ศึกษาเพิ่มเติม

1 โครินธ์ 13:4-7

อ่านพระคัมภีร์ให้จบใน 1 ปี

 ยอห์น 13:31-14:1-14 & 2 พงศ์กษัตริย์ 23-25

อ่านพระคัมภีร์ให้จบใน 2 ปี

 1 โครินทร์ 14:1-9 & สุภาษิต 24


วันพุธที่ 27 พฤษภาคม 2020

เติบโตในความเชื่อของคุณ
GROW YOUR FAITH

พี่น้องทั้งหลาย เราต้องขอบพระคุณพระเจ้าเพราะท่านอยู่เสมอ ซึ่งเป็นเรื่องสมควรยิ่งเพราะความเชื่อของท่านจำเริญขึ้น และความรักของท่านทุกคนที่มีต่อกันทวีขึ้นด้วย (2 เธสะโลนิกา 1:3)

การเพิ่มพูนขนาดของความเชื่อที่พระเจ้าได้มอบให้แก่คุณเป็นความรับผิดชอบของคุณ และวิธีที่จะทำสิ่งนั้นก็คือการเรียนรู้พระคำของพระเจ้าให้มากขึ้น “…ความ​เชื่อ​เกิด​ขึ้น​ได้​ก็​เพราะ​การ​ได้​ยิน และ​การ​ได้​ยิน​โดยพระคำของพระเจ้า(โรม 10:17)

ยิ่งคุณได้รับพระคำของพระเจ้าในวิญญาณของคุณน้อยลงเท่าไร คุณก็ยิ่งสำแดงความเชื่อขณะที่คุณเผชิญหน้ากับความท้าทายในชีวิตน้อยลงเท่านั้น ดังนั้นในทุกๆวันจงทำให้ความเชื่อของคุณเติบโตขึ้นด้วยการกินพระคำของพระเจ้าอย่างตะกละตะกลาม

คนบางคนเคยพูดว่า “ความเชื่อของฉันน้อยมาก นั่นเป็นสาเหตุที่บางครั้งฉันถึงรู้สึกอ่อนแอฝ่ายวิญญาณ” ถ้าอย่างนั้นก็จงทำให้ความเชื่อของคุณเติบโตขึ้น! นั่นคืองานของคุณอย่าคงอยู่ในระดับความเชื่อที่น้อยนั้น ความเชื่อน้อยสำแดงความกลัวและความสงสัยออกมา (มัทธิว 8:26) ในมัทธิว 14:31 ซีโมนเปโตรกำลังเดินบนน้ำไปที่พระเยซูจนกระทั่งเขาเห็นลมและคลื่น แล้วก็เริ่มจม พระคัมภีร์กล่าวว่าพระเยซูจึง “…​เอื้อม​พระ​หัตถ์​จับ​เขา​ไว้​ทัน​ที แล้ว​ตรัส​ว่า ช่าง​มี​ความ​เชื่อ​น้อย ท่าน​สง​สัย​ทำ​ไม?” (มัทธิว 14:31)

ความเชื่อน้อยเป็นฝ่ายเนื้อหนังหรือให้เหตุผลแบบเนื้อหนัง เราเห็นตัวอย่างนี้ในมัทธิว 16:6 เมื่อพระเยซูตรัสกับเหล่าสาวกของพระองค์ว่า “จง​สัง​เกต​และ​ระ​วัง​เชื้อ​ของ​พวก​ฟา​ริสี และ​พวก​สะ​ดู​สี​ให้​ดี” พระคัมภีร์กล่าวว่าพวกเขาให้เหตุผลต่อกันและกันว่า เพราะเราไม่มีขนมปัง (มัทธิว 16:7) พวกเขาไม่เข้าใจถึงสิ่งที่พระเยซูกำลังสอนอยู่และคิดว่าพระองค์หมายถึงขนมปังจริงๆ พระเยซูรับรู้ถึงเหตุผลฝ่ายเนื้อหนังของพวกเขาและพูดกับพวกเขาว่า พวก​ท่าน​ช่าง​มี​ความ​เชื่อ​น้อย​จริงๆ ทำไม​พวก​ท่าน​ถึง​พูด​กัน​เรื่อง​ไม่​มี​ขนม​ปัง?” (มัทธิว 16:8)

เมื่อคนที่มีความเชื่อน้อยรู้สึกไม่สบายท้อง เขาก็พูดอย่างรวดเร็วว่า “ฉันคิดว่ามันเป็นเพราะบางสิ่งที่ฉันกินหรือที่ฉันดื่ม” แต่พระเยซูยังตรัสอีกว่า ถ้า​พวก​เขา​กิน​ยา​พิษ​ใดๆ มัน​จะ​ไม่​ทำ​อัน​ตราย​แก่​พวก​เขา…” (มาระโก 16:18) พระเจ้าต้องการให้ความเชื่อของคุณแข็งแกร่ง ไม่อ่อนแอ และไม่น้อย ดังนั้นจงศึกษาและฝึกฝนพระคำของพระเจ้า นั่นเป็นวิธีที่จะทำให้ความเชื่อของคุณเข้มแข็ง จงเป็นเหมือนคนที่ถูกอธิบายไว้ในเธสะโลนิกา ซึ่งความเชื่อเติบโตขึ้นอย่างมาก และคนเหล่านั้นที่อยู่ในหอเกียรติยศแห่งความเชื่อ (ฮีบรู 11) ซึ่งใช้ความเชื่อของพวกเขาเพื่อความสำเร็จ

ถ้อยคำแห่งความเชื่อ

พระคำนั้นกำลังมีชีวิตและเกิดผลในตัวฉัน และเร้าความเชื่อในตัวฉันเพื่อเอาชนะความท้าทายและรักษาชีวิตแห่งชัยชนะในพระคริสต์ไว้ ฉันบังเกิดจากพระคำ ดังนั้นฉันจึงดำเนินชีวิตโดยพระคำ ขณะที่ฉันศึกษาและใคร่ครวญพระคำ ความเชื่อของฉันก็เข้มแข็งและพัฒนาขึ้นจากพระสิริสู่พระสิริ และพระพรของการปฏิบัติตามพระคำนั้นปรากฏอย่างชัดเจนในชีวิตของฉัน ในพระนามพระเยซู อาเมน

ศึกษาเพิ่มเติม

กิจการ 20:32; โคโลสี 2:7

อ่านพระคัมภีร์ให้จบใน 1 ปี

ยอห์น 13:1-30 & 2 พงศ์กษัตริย์ 20-22

อ่านพระคัมภีร์ให้จบใน 2 ปี

1 โครินทร์ 13:1-13 & สุภาษิต 23