ลูกของข้าพเจ้าเอ๋ย ข้าพเจ้าเขียนข้อความเหล่านี้ถึงท่านทั้งหลายเพื่อท่านจะได้ไม่ทำบาป และถ้าใครทำบาป เราก็มีผู้ช่วยทูลขอพระบิดาเพื่อเรา คือพระเยซูคริสต์ผู้ทรงเที่ยงธรรมนั้น (1 ยอห์น 2:1)
1 ยอห์น 3:9 กล่าวว่า “ผู้ที่เกิดจากพระเจ้าไม่ทำบาป...” บางคนเข้าใจสิ่งนี้ผิดและวิ่งออกไปด้วยความคิดที่ผิดว่าไม่ว่าพวกเขาจะทำอะไรก็ล้วนแต่ถูกต้อง เพราะในฐานะคริสเตียนพวกเขาไม่สามารถทำบาปได้ ใช่ ความบาปไม่ได้มีอำนาจบังคับคริสเตียน แต่เราไม่ได้ตัดสินความชอบธรรมจากสิ่งที่คริสเตียนทำ เราตัดสินความชอบธรรมด้วยแสงสว่างของพระคริสต์และพระคำของพระองค์
พระคัมภีร์พูดถึงการเดินในความสว่างเหมือนอย่างที่พระองค์สถิตในความสว่าง (1 ยอห์น 1:7) การกระทำของคุณสอดคล้องกับความชอบธรรมของพระเจ้าอย่างไร? นั่นคือวิธีที่คุณแยกสิ่งที่ถูกออกจากสิ่งที่ผิด ถ้าคุณป่าวประกาศว่าไม่ว่าคุณจะทำอะไรก็ล้วนแต่ถูกต้อง นั่นทำให้คุณเป็นมาตรฐานของความถูกต้องและความชอบธรรม แต่คุณไม่ใช่มาตรฐานของความชอบธรรม
ยกตัวอย่างเช่น เราอ่านใน 1 โครินธ์ 2:16 ว่า “…เราก็มีพระทัยของพระคริสต์” นี่ไม่ได้หมายความว่าความคิดทุกอย่างในหัวใจของคุณนั้นถูกต้อง ใช่ เรามีความชอบธรรมของพระเจ้า แต่พระองค์บอกเราใน โรม 12:2 ว่า “อย่าลอกเลียนแบบอย่างคนในยุคนี้ แต่จงรับการเปลี่ยนแปลงจิตใจ” แม้ว่าคุณจะบังเกิดใหม่แล้ว แต่จิตใจของคุณก็ยังต้องได้รับการเปลี่ยนแปลง
ให้เรามาดูข้อพระคัมภีร์หลักของเราอีกครั้ง ซึ่งกล่าวว่า “ลูกของข้าพเจ้าเอ๋ย ข้าพเจ้าเขียนข้อความเหล่านี้ถึงท่านทั้งหลายเพื่อท่านจะได้ไม่ทำบาป” ถ้าเป็นไปไม่ได้ที่คุณจะทำบาป เขาก็คงไม่พูดว่า “ข้าพเจ้าเขียนข้อความเหล่านี้ถึงท่านทั้งหลายเพื่อท่านจะได้ไม่ทำบาป” แต่ในเวลาเดียวกันเขาก็บอกให้คุณรู้ว่าบาปไม่ได้มีอำนาจบังคับ นั่นคือคุณไม่ต้องทำบาป นั่นคือเหตุผลของประโยคถัดไปที่กล่าวว่า “ถ้าใครทำบาป” แทนที่จะพูดว่า “เมื่อบางคนทำบาป” เขากล่าวอย่างสมดุล
อย่าไปจากความสุดโต่งของ “เราต้องทำบาปเตราบใดที่เรายังอยู่ในเนื้อหนังนี้” ไปสู่ความสุดโต่งของ “สิ่งที่ฉันทำล้วนแต่ถูกต้อง” ไม่! การกระทำ ความคิด พฤติกรรม การตอบสนองและปฏิกิริยาของคุณจะต้องสอดคล้องกับพระคำของพระเจ้า กับความชอบธรรมของพระคริสต์ เพราะว่าพระองค์ทรงเป็นมาตรฐานของความชอบธรรม ฮาเลลูยา!
คำอธิษฐาน
พระบิดาที่รัก ขอบพระคุณสำหรับพระคุณของพระองค์และฤทธิ์อำนาจแห่งความชอบธรรมของพระองค์ที่กำลังทำงานอยู่ของข้าพระองค์! ข้าพระองค์ดำเนินชีวิตอยู่อย่างเป็นอิสระจากความบาปและจิตสำนึกว่าตนบาปด้วยการผลิตผลแห่งความชอบธรรมและการงานที่ดี ด้วยการสำแดงความรักของพระคริสต์ในทุกวันนี้และตลอดไป ในพระนามพระเยซู อาเมน
ศึกษาเพิ่มเติม:โรม 6:1-2; 1 ยอห์น 2:29; อิสยาห์ 64:6