ข้า​แต่​พระ​เจ้า พระ​องค์​ทรง​เป็น​พระ​เจ้า​ของ​ข้า​พระ​องค์ ข้า​พระ​องค์​จะ​แสวง​หา​พระ​องค์ จิต​ใจ​ของ​ข้า​พระ​องค์​กระ​หาย​หา​พระ​องค์ เนื้อ​หนัง​ของ​ข้า​พระ​องค์​กระ​เสือก​กระ​สน​หา​พระ​องค์ ใน​ดิน​แดน​ที่​แห้ง​แล้ง​และ​อ่อน​ระโหย ที่​ซึ่ง​ไม่​มี​น้ำ เช่น​นั้น​แหละ ข้า​พระ​องค์​เคย​เห็น​พระ​องค์​ใน​สถาน​นมัส​การ เห็น​ฤท​ธา​นุ​ภาพ​และ​พระ​สิริ​ของ​พระ​องค์ (สดุดี 63:1-2)

ถึงแม้ว่าบางครั้งพระสิริของพระเจ้าและฤทธิ์อำนาจของพระเจ้าสามารถใช้แทนกันได้ในพระคัมภีร์ แต่ก็ไม่ใช่สิ่งเดียวกัน ยกตัวอย่างเช่น เมื่อองค์พระผู้เป็นเจ้าสั่งให้โมเสสพูดกับก้อนหิน สิ่งที่พระเจ้าต้องการคือให้พระสิริของพระองค์สำแดงออก แต่โมเสสกลับตีก้อนหินนั้น และฤทธิ์อำนาจของพระเจ้าก็สำแดงออก

อย่างไรก็ตามจากการที่พระเจ้าตอบสนองต่อโมเสส เรารู้ว่าพระองค์ไม่ทรงพอพระทัย เพราะว่าพระองค์ทรงตำหนิโมเสสด้วยการพูดว่า “เจ้า​ไม่​ได้ถวาย​ความ​ศักดิ์​สิทธิ์​แก่​เรา​ต่อ​หน้า​คน​อิส​รา​เอล” (กันดารวิถี 20:11-12) ดนี่คือประเด็น พระสิรินั้นยิ่งใหญ่กว่าฤทธิ์อำนาจ เพราะว่าพระสิรินั้นไม่เพียงแต่รวมถึงฤทธิ์อำนาจของพระเจ้าเท่านั้น แต่ยังรวมถึงพระคุณและความชอบธรรมของพระเจ้าด้วย ที่จริงแล้วพระสิริของพระเจ้านั้นเป็นคำที่ห่อหุ้มความงดงามและความชอบธรรมทั้งหมดของพระองค์เอาไว้ พระองค์สำแดงความชอบธรรมของพระองค์ในพระสิริของพระองค์

ฤทธิ์อำนาจของพระองค์สำแดงออกผ่านทางเราในการทำให้พระประสงค์ของพระองค์สำเร็จ อย่างไรก็ตามฤทธิ์อำนาจนั้นอาจถูกใช้อย่างผิดๆ อย่างที่เปาโลได้ชี้ให้เห็นใน 1 โครินธ์ 9:18 ว่า “แล้ว​บำ​เหน็จ​ของ​ข้าพ​เจ้า​คือ​อะไร? ก็​คือ​ว่า​ใน​การ​ประ​กาศ​ข่าว​ประ​เสริฐ​นั้น ข้าพ​เจ้า​ประ​กาศ​โดย​ไม่​คิด​ค่า​จ้าง เพื่อ​จะ​ไม่​ต้อง​ใช้​ฤทธิ์อำนาจของข้าพเจ้าอย่างผิดๆ ใน​ข่าว​ประ​เสริฐ” ดังนั้นจึงเป็นไปได้ที่บางคนจะใช้ฤทธิ์อำนาจของพระเจ้าอย่างผิดๆ ได้ แต่คุณไม่สามารถใช้พระสิริของพระเจ้าอย่างผิดๆได้

สิ่งที่พระเจ้าต้องการคือให้เราสำแดงพระสิริของพระองค์เสมอ และการจะทำสิ่งนั้นได้ คุณต้องเดินในพระคุณและความชอบธรรมของพระองค์ด้วย สิ่งเหล่านี้ทั้งหมดไปด้วยกัน

คำอธิษฐาน

      ขอบพระคุณองค์พระผู้เป็นเจ้าที่พระองค์ได้ทำให้ข้าพระองค์เป็นแสงสว่างในโลกที่มืดมิด และแสงสว่างของข้าพระองค์ก็ส่องสว่างไปทุกที่ ข้าพระองค์ส่งผลกระทบต่อโลกของข้าพระองค์ไม่เพียงแต่ด้วยฤทธิ์อำนาจของพระองค์ แต่ด้วยพระสิริ ความชอบธรรม สติปัญญา และความรักของพระองค์ในวันนี้และตลอดไป ในพระนามของพระเยซู อาเมน

ศึกษาเพิ่มเติม:อิสยาห์ 60:1-2; 2 โครินธ์ 3:18


พระ​องค์​ตรัส​สั่ง​พวก​สา​วก​ว่า พวก​ท่าน​จง​ออก​ไป​ทั่ว​โลก ประ​กาศ​ข่าว​ประ​เสริฐ​แก่​มนุษย์​ทุก​คน ใคร​เชื่อ​และ​รับ​บัพ​ติศ​มา​ก็​จะ​รอด แต่​ใคร​ไม่​เชื่อ​จะ​ต้อง​ถูก​ลง​โทษ (มาระโก 16:15-16)

การประกาศข่าวประเสริฐไม่ใช่สิ่งที่คุณเลือกที่จะทำหรือไม่ทำก็ได้ นั่นคือการทรงเรียกของคุณ เป็นความรับผิดชอบหลักของคุณบนแผ่นดินโลกที่จะประกาศนำดวงวิญญาณ

2 โครินธ์ 5:18 กล่าวว่าพระเจ้าได้ทรงทำให้เราคืนดีกับพระองค์โดยพระเยซูคริสต์และได้ทรงประทานพันธกิจแห่งการคืนดีให้แก่เรา ความมุ่งมั่นของคุณที่มีต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าจะต้องสะท้อนให้เห็นในการทุ่มเทของคุณเพื่อการประกาศนำดวงวิญญาณ จงแน่ใจในเรื่องนี้ เปาโลกล่าวว่า “ข้าพ​เจ้า​จำ​ต้อง​ทำ และ​ถ้า​ไม่​ประ​กาศ วิบัติ​จะ​เกิด​กับ​ข้าพ​เจ้า” (1 โครินธ์ 9:16) สิ่งนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับความสะดวกสบาย นั่นคือคุณต้องทำ มันเป็นความรับผิดชอบของคุณ ซึ่งคุณจะต้องรับผิดชอบและได้รับบำเหน็จจากองค์พระผู้เป็นเจ้าเมื่อพระองค์พิพากษาธรรมิกชนของพระองค์

1 โครินธ์ 4:1-2 กล่าวว่า “ให้​ทุก​คน​ถือ​ว่า​เรา​เป็น​คน​เช่น​นี้​คือ​เป็น​เหมือน​คน​รับ​ใช้​ของ​พระ​คริสต์ และ​เป็น​ผู้​รับ​มอบ​ฉัน​ทะ​ให้​ดู​แล​สิ่ง​ล้ำ​ลึก​ของ​พระ​เจ้ายิ่ง​กว่า​นั้น บรร​ดา​ผู้​รับ​มอบ​ฉันทะ​ย่อม​ได้​รับ​การ​คาด​หวัง​ว่า​ต้อง​เป็น​คน​ที่​ไว้​วางใจ​ได้” จงสัตย์ซื่อในการเข้าถึงผู้อื่นด้วยข่าวประเสริฐ อัครทูตมีชีวิตอยู่เพื่อสิ่งนี้ หลายคนประสบกับการถูกข่มเหงอย่างรุนแรง และบางคนก็ถูกฆ่าเนื่องจากการประกาศข่าวประเสริฐ

ดังนั้นถึงแม้ว่าคุณจะถูกด่าหรือดูถูกเหยียดหยามเพราะการประกาศเรื่องของพระคริสต์ ก็จงทำต่อไป จงมีอิทธิพลและส่งผลกระทบต่อโลกของคุณในเชิงบวกต่อไปด้วยฤทธิ์อำนาจของพระเจ้าในข่าวประเสริฐของพระองค์ จงทุ่มเทในสิ่งนี้ให้มากเพราะเวลานั้นสั้น

คำอธิษฐาน

พระบิดาที่รัก ขอบพระคุณที่ให้โอกาสและความสามารถแก่ข้าพระองค์ในการมีอิทธิพลต่อผู้คนในโลกของข้าพระองค์ด้วยข่าวประเสริฐ มีคำพยานเรื่องความรอดมากมายในทุกวันนี้ทั่วทุกมุมโลก เนื่องจากข่าวประเสริฐได้ถูกประกาศและได้ถูกรับไว้ความยินดี ขอบพระคุณสำหรับพระพรและการจัดเตรียมอย่างมากมายในชีวิตของข้าพระองค์และสำหรับความกล้าและความกล้าหาญที่พระองค์ได้ทรงประทานให้แก่ข้าพระองค์เพื่อป่าวประกาศข่าวประเสริฐด้วยฤทธิ์อำนาจ ในพระนามของพระเยซู อาเมน

ศึกษาเพิ่มเติม:มัทธิว 28:19-20; 2 ทิโมธี 2:3-4; โคโลสี 1:9-10


แด่​พระ​องค์ ​ผู้​ทรง​สา​มารถ​ปก​ป้อง​พวก​ท่าน​ไม่​ให้​สะ​ดุด​ล้ม และ​ทรง​ตั้ง​พวก​ท่าน​อยู่​เบื้อง​หน้า​พระ​สิริ​ของ​พระ​องค์ โดย​ปราศ​จาก​ตำ​หนิ​และ​มี​ความ​ร่า​เริง​ยินดี ขอ​พระ​เกียรติ ความ​ยิ่ง​ใหญ่ อานุ​ภาพ และ​สิทธิ​อำ​นาจ จง​มี​แด่​พระ​เจ้า​องค์​เดียว ผู้​เป็น​พระ​ผู้​ช่วย​ให้​รอด​ของ​เรา โดย​ทาง​พระ​เยซู​คริสต์​องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​ของ​เรา ทั้ง​ใน​อดีต​กาล ปัจจุ​บัน​กาล และ​ใน​กาล​ต่อๆ ไป​เป็น​นิตย์ อาเมน (ยูดา 1:24-25)

ข้อพระคัมภีร์ข้างบนเป็นสิ่งที่ปลอบประโลมใจที่ดีมาก องค์พระผู้เป็นเจ้าสามารถปกป้องพวกท่านไม่ให้สะดุดล้ม และทรงตั้งพวกท่านอยู่เบื้องหน้าพระสิริของพระองค์ โดยปราศจากตำหนิและมีความร่าเริงยินดี นี่เป็นส่วนหนึ่งของพันธกิจของพระองค์ในชีวิตของคุณ ขอพระสิริจงมีแด่พระนามของพระองค์ตลอดไป!

ถ้าข้อนี้กล่าวว่า “พระองค์ทรงยกคุณขึ้นทุกครั้งที่คุณล้มลง” นั่นก็ยอดเยี่ยมแล้ว แต่งานของพระองค์ไม่ใช่การยกคุณขึ้นทุกครั้งที่คุณล้มลง แต่คือการป้องกันไม่ให้คุณล้มลง บางคนเชื่อว่าในฐานะคริสเตียน เราล้มลง แล้วก็ลุกขึ้น แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่พระคำกล่าวไว้ อย่าเชื่อในเรื่องการล้มลง จงยอมรับสิ่งที่พระคำของพระเจ้าได้กล่าวไว้มากกว่าประสบการณ์ของคุณเองหรือของคนอื่น

จงเข้าใจสิ่งนี้ นั่นคือยอมรับและดำเนินชีวิตตามพระคำของพระเจ้า ซึ่งเป็นที่ที่ฤทธิ์อำนาจและพระสิริสถิตอยู่ ทุกครั้งที่คุณกล่าวยืนยันพระคำ พระคำก็จะผลิตสิ่งที่พระคำได้กล่าวไว้ ดังนั้นแทนที่จะมีความคิดของการลุกขึ้นและการล้มลงบ่อยๆ จงป่าวประกาศว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสามารถป้องกันไม่ให้ฉันล้ม ดังนั้นย่างเท้าของฉันจะไม่ลื่น ฉันยืนสูงตลอดเวลา แน่วแน่ และมั่นคง และบริบูรณ์ในการงานขององค์พระผู้เป็นเจ้าเสมอ ขอพระสิริจงมีแด่พระเจ้า!”

โดยไม่คำนึงถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรอบตัวคุณ จงกล้าที่จะป่าวประกาศว่า “ชีวิตของฉันนั้นก้าวขึ้นสูงและก้าวไปข้างหน้าเท่านั้น ฉันยืนหยัดอย่างมั่นคงในความเชื่อ ไม่มีสิ่งใดทำให้ฉันหวั่นไหวได้ ฉันหยั่งรากลึกในพระคริสต์ ผู้เป็นศิลามั่นคง และพระองค์ไม่เคยปล่อยให้ฉันล้มลง!” จงทำให้สิ่งนี้เป็นการใคร่ครวญและความเข้าใจของคุณในเรื่องของพระคริสต์ และพันธกิจของพระองค์ในชีวิตของคุณจะประสบความสำเร็จ สรรเสริญพระเจ้า!

ถ้อยคำแห่งความเชื่อ

ฉันมีชีวิตที่ขึ้นไปข้างบนและก้าวไปข้างหน้าเท่านั้น ไม่มีการขึ้นๆลงๆ เพราะว่าในพระคริสต์ ฉันขึ้นสูงตลอดไป! พระองค์ยึดฉันไว้ด้วยพระหัตถ์ขวาแห่งความชอบธรรมเพื่อฉันจะไม่สะดุดล้มลง วิถี​ของฉัน​เหมือน​แสง​อรุณ ซึ่ง​ฉาย​สุก​ใส​ยิ่งๆ ขึ้นจน​สว่าง​เต็ม​ที่ ฮาเลลูยา!

ศึกษาเพิ่มเติม:สุภาษิต 4:18; 2 เปโตร 1:8-10


เมื่อ​ท่าน​ทั้ง​หลาย​พ้น​จาก​บาป​แล้ว ท่าน​ก็​ได้​เป็น​ทาส​ของ​ความ​ชอบ​ธรรม (โรม 6:18)

เปาโลพบว่าการสื่อสารความจริงในข้อพระคัมภีร์ข้างบนเป็นสิ่งที่ยากเนื่องจากข้อจำกัดด้านภาษา เขาพูดว่า “ข้าพ​เจ้า​ยก​เอา​ตัว​อย่าง​มนุษย์​มา​พูด เนื่อง​จาก​เนื้อ​หนัง​ของ​ท่าน​อ่อน​กำ​ลัง” (โรม 6:19) ฉบับ The Message Translation แปลว่า “ฉันกำลังใช้ภาษาอิสระนี้เนื่องจากเป็นการง่ายที่จะเห็นภาพ” (โรม 6:19 ฉบับ MSG) เขาจะต้องนำการอภิปรายไปสู่ระดับทางโลกซึ่งพวกเขาสามารถเข้าใจได้

ความเป็นจริงก็คือว่าคนที่ถูกสร้างใหม่นั้นไม่ได้ถูกทำให้ “เป็นอิสระจากความบาป” แต่เกิดมาโดยปราศจากความบาป มีความแตกต่างระหว่าง 2 สิ่งนี้ เกิดมาอย่างปราศจากความบาปหมายความว่าคุณเกิดมาโดยไม่มีความบาป สิ่งนี้เป็นสิ่งที่เข้าใจง่ายเมื่อคุณตระหนักว่าคนที่ถูกสร้างใหม่เป็นผลของการเป็นขึ้นมาจากความตาย (ไม่ใช่ความตาย) ของพระเยซูคริสต์ ชีวิตใหม่ของคุณเริ่มต้นที่การเป็นขึ้นมาจากความตายของพระเยซูคริสต์ “เพราะ​ฉะนั้น เรา​จึง​ถูก​ฝัง​ไว้​กับ​พระ​องค์​แล้ว โดย​การ​รับ​บัพ​ติศ​มา​เข้า​ใน​การ​ตาย​นั้น เพื่อ​ว่า​เมื่อ​พระ​บิดา​ทรง​ให้​พระ​คริสต์​เป็น​ขึ้น​มา​จาก​ตาย​โดย​พระ​สิริ​ของ​พระ​องค์​แล้ว เรา​ก็​จะ​ได้​ดำ​เนิน​ตาม​ชีวิต​ใหม่​ด้วย​เหมือน​กัน” (โรม 6:4)

2 โครินธ์ 5:17 กล่าวว่า “ฉะนั้น​ถ้า​ใคร​อยู่​ใน​พระ​คริสต์ เขา​ก็​เป็น​คน​ที่​ถูก​สร้าง​ใหม่​แล้ว…” นั่นคือเป็นมนุษย์สายพันธุ์ใหม่ หรือชนิดใหม่ ซึ่งเกิดมาในความชอบธรรมซึ่งไม่มีความบาปในอดีตที่จำเป็นต้องได้รับอิสระ ในความเป็นคริสเตียน เราไม่ได้รับอิสระ เราเกิดมาอย่างมีอิสระ! นั่นเป็นความเป็นจริงของคนที่บังเกิดใหม่ คุณปราศจากความบาป ไม่น่าแปลกใจที่โรม 6:14 กล่าวว่า “บาป​จะ​ไม่​ครอบ​งำ​พวก​ท่าน”

คุณไม่สามารถเข้าใจแนวความคิดเรื่องความบาปได้อย่างอย่างถูกต้องจนกว่าคุณจะมีความเข้าใจที่ดีในหลักคำสอนเรื่องความชอบธรรม ดังนั้นเมื่อพระคัมภีร์กล่าวว่า “เมื่อ​พวก​ท่าน​เป็น​ทาส​ของ​บาป ความ​ชอบ​ธรรม​ก็​ไม่​ได้​ครอบ​ครอง​ท่าน​” (โรม 6:20) คำว่า “ความ​ชอบ​ธรรม​​ไม่​ได้​ครอบ​ครอง” จริงๆแล้วหมายถึงปราศจากความชอบธรรม หรือคุณได้รับการยกเว้นจากความชอบธรรม” กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือคุณเป็นทาสของความบาปและไม่สามารถฝึกฝนความชอบธรรมได้

อย่างไรก็ตามตอนนี้เมื่อคุณบังเกิดใหม่แล้ว นี่เป็นสิ่งที่ตรงกันข้าม คุณสามารถฝึกฝนความชอบธรรมและผลิตผลและการงานแห่งความชอบธรรมได้ เพราะว่านั่นคือธรรมชาติของคุณในพระเยซูคริสต์ ฮาเลลูยา!

ถ้อยคำแห่งความเชื่อ

ฉันเป็นคนที่ถูกสร้างใหม่ เป็นมนุษย์ชนิดใหม่ สิ่งเก่าๆก็ล่วงไป และทุกสิ่งก็กลายเป็นสิ่งใหม่ ฉันเดินในความชอบธรรมและผลิตการงานและผลแห่งความชอบธรรม ขอพระสิริจงมีแด่พระเจ้า!

ศึกษาเพิ่มเติม:2 โครินธ์ 5:17; โรม 6:4-5


เรา​รู้​อยู่​ว่า พระ​เจ้า​ทรง​ให้​พระ​คริสต์​เป็น​ขึ้น​มา​จาก​ตาย แล้ว​พระ​องค์​จะ​ไม่​ตาย​อีก ความ​ตาย​จะ​ไม่​มี​อำ​นาจ​เหนือ​พระ​องค์​ต่อ​ไป (โรม 6:9)

ข้อพระคัมภีร์ข้างบนเป็นหนึ่งในข้อที่น่าทึ่งที่สุดในโรมบทที่ 6 ทั้งบท เนื่องจากความหมายของข้อนี้ ข้อนี้ไม่ได้กล่าวว่า “เรารู้อยู่ว่า พระเจ้าทรงให้พระเยซูเป็นขึ้นมาจากตาย แล้วพระองค์จะไม่ตายอีก…” แต่กล่าวว่า “…พระเจ้าทรงให้พระคริสต์เป็นขึ้นมาจากตาย แล้วพระองค์จะไม่ตายอีก…” คำถามคือ ใครคือพระคริสต์?

พระคริสต์คือพระเยซูและพระกายของพระองค์ นั่นคือคริสตจักร! พระเยซูทรงเป็นศีรษะ และคริสตจักรเป็นพระกายของพระองค์ ศีรษะและพระกายรวมกันเป็นพระคริสต์ เมื่อเรียกเป็นบุคคล นั่นคือ “พระเยซู” ในบางกรณีมีการเพิ่มชื่อลงไปเพื่อเรียกพระองค์ว่า “พระเยซูคริสต์” แต่ทุกครั้งที่คุณศึกษาพันธสัญญาใหม่และคุณเห็นคำว่า “พระคริสต์” ยกเว้นบางกรณีที่บริบทชี้ว่าเป็นอย่างอื่น นั่นหมายถึงพระเยซูและคริสตจักร ซึ่งเป็นพระกายของพระองค์

ถ้าความตายไม่มีอำนาจเหนือศีรษะอีกต่อไป มันก็จะไม่มีอำนาจเหนือมือ เหนือขา หรืออวัยวะส่วนอื่นๆ ของพระกายด้วย ข้อ 10 กล่าวว่า “ด้วย​ว่า​ซึ่ง​พระ​องค์​ได้​ทรง​ตาย​นั้น​พระ​องค์​ได้​ทรง​ตาย​ต่อ​บาป​ครั้ง​เดียว​เป็น​พอ แต่​ซึ่ง​พระ​องค์​ทรง​ชีวิต​อยู่​นั้น พระ​องค์​ทรง​ชีวิต​สนิท​กับ​พระ​เจ้า” (โรม 6:10) ช่างเป็นข้อพระคัมภีร์ที่ดีจริงๆ! คุณควรอ่านสิ่งนี้และป่าวประกาศว่า “ฉันได้ฟื้นขึ้นมาจากความตาย!” จงมีการตระหนักรู้นี้!

ความตายไม่มีอำนาจเหนือคุณ เพราะว่าผ่านทางพระเยซูคริสต์ คุณมีชีวิตนิรันดร์ นั่นคือคุณได้ถูกนำเข้าไปสู่ชีวิตและสภาพอมตะ (2 ทิโมธี 1:10) ดังนั้นจงอย่ากลัวความตาย เพราะว่าความตายได้ถูกทำให้เป็นอัมพาตแล้ว นั่นคือถูกทำให้พ่ายแพ้โดยพระเยซู ฮีบรู 2:14-15 กล่าวว่า “บุตร​ทั้ง​หลาย​มี​เลือด​และ​เนื้อ​เช่น​กัน​อย่าง​ไร พระ​องค์​ก็​ทรง​มี​ส่วน​เช่น​นั้น​ด้วย​อย่าง​นั้น เพื่อ​โดย​ทาง​ความ​ตาย​นั้น พระ​องค์​จะ​ทรง​ทำ​ลาย​มาร ​ผู้​มี​อำ​นาจ​แห่ง​ความ​ตาย และ​จะ​ทรง​ปลด​ปล่อย​บรร​ดา​คน​เหล่า​นั้น​ที่​ตก​เป็น​ทาส​มา​ตลอด​ชีวิต​เนื่อง​จาก​ความ​กลัว​ตาย”

เมื่อพระเยซูได้ชัยชนะเหนือความตาย เราอยู่ในพระองค์ เราได้ชัยชนะเหนือความตายและหลุมฝังศพร่วมกับพระองค์ ไม่น่าแปลกใจที่ 1 โครินธ์ 15:54-55 กล่าวว่า “…ความ​ตาย​ก็​ถูก​กลืน​เข้า​ใน​ชัย​ชนะ​แล้ว โอ ความ​ตาย ชัย​ชนะ​ของ​เจ้า​อยู่​ที่​ไหนโอ ความ​ตาย เหล็ก​ใน​ของ​เจ้า​อยู่​ที่​ไหน?” ​

ถ้อยคำแห่งความเชื่อ

ฉันถูกตรึงไว้กับพระคริสต์แล้ว แต่ฉันก็ยังมีชีวิตอยู่ แต่ไม่ใช่ตัวฉันเอง แต่คือพระคริสต์ทรงดำเนินชีวิตอยู่ในฉัน และชีวิตซึ่งขณะนี้ฉันดำเนินอยู่ในเนื้อหนังนี้ ฉันดำเนินชีวิตอยู่โดยความเชื่อในพระบุตรของพระเจ้า! ฉันเป็นอิสระจากความบาปและความตาย! ฉันเป็นผู้มีส่วนร่วมในของธรรมชาติของพระเจ้า! ขอพระสิริจงมีแด่พระเจ้า!

ศึกษาเพิ่มเติม:1 โครินธ์ 15:55-57; โรม 8:2