<a href=”http://rorthai.com/alatir/wp-content/uploads/2012/11/PastorChris02.jpg”><img src=”http://rorthai.com/alatir/wp-content/uploads/2012/11/PastorChris02.jpg” alt=”” title=”PastorChris02″ width=”92″ height=”140″ class=”alignleft size-full wp-image-548″/></a>เสาร์ ที่ 28 ตุลาคม 2017

<strong>นมัสการพระเจ้าด้วยการถวายของคุณ<strong>

Worship The Lord With Your Offerings

                “จงถวายพระเกียรติซึ่งควรแก่พระนามของพระองค์แด่พระยาห์เวห์ จงนำเครื่องบูชามาเข้าเฝ้าพระองค์” (1 พงศาวดาร 16:29)

<!–more–>

 

                <p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; บางคนมีความเข้าใจที่ผิดเกี่ยวกับทุกครั้งที่พวกเขาถวายทรัพย์ในคริสตจักร พวกเขากำลังบริจาคเงินเพื่อสนับสนุนคริสตจักร ไม่ใช่ เงินถวายของคุณไม่ใช่เงินบริจาค แต่เป็นเครื่องบูชาแด่พระเจ้า เป็นการแสดงออกถึงการนมัสการ เป็นคำพยานแห่งความเชื่อของคุณในพระเจ้าที่ทรงพระชนม์อยู่ เมื่อคุณถวายทรัพย์ของคุณ คุณเป็นพยานต่อพระเจ้าจากวิญญาณของคุณ กับวิญญาณของคุณ และกับมารร้ายและวิญญาณชั่วแห่งความมืด ถึงความเชื่อที่คุณมีในพระเจ้าที่ทรงพระชนม์อยู่ มีการเชื่อมต่อฝ่ายวิญญาณ

 

                <p>แน่นอนที่มีเงินบริจาคที่คุณสามารถให้เพื่อสนับสนุนงานของคริสตจักรได้ การให้พิเศษเหล่านั้นสามารถมีได้ แต่มีความแตกต่างระหว่างเงินถวายสิบลดของคุณกับเงินบริจาค เงินบริจาคนั้นก็ได้รับพรเช่นกัน อะไรก็ตามที่คุณให้ในนามของพระเจ้าก็จะได้รับการอวยพรจากพระเจ้า

 

                <p>ยกตัวอย่างเช่น ในพระคำได้กล่าวไว้ว่า “คนที่เมตตาคนยากจนก็ให้พระยาห์เวห์ทรงยืม และพระองค์จะทรงตอบแทนการกระทำของเขา” (สุภาษิต 19:17) ดังนั้นเมื่อคุณให้แก่คนยากจน พระเจ้าจะทรงจดจำ เพราะว่าคุณได้ให้พระเจ้ายืม และพระองค์จะทรงตอบแทนคุณ เพราะว่าคนยากจนนั้นไม่สามารถตอบแทนคุณได้ ดังนั้นพระองค์จะทรงอวยพรคุณแทน

 

                <p>อย่างไรก็ตาม มากยิ่งกว่านั้น การถวายของคุณแด่พระเจ้าเป็นสิ่งที่ศักดิ์สิทธิ์ เป็นสิ่งที่คุณต้องทำเพราะว่าพระองค์ทรงเป็นพระเจ้า และไม่มีใครที่ไม่สามารถถวายให้พระเจ้าได้ เพราะว่าคุณมองรอบตัวคุณ คุณจะเห็นว่าพระเจ้าได้อวยพรอะไรแก่คุณบ้าง พระองค์ได้ทำสิ่งมากมายในชีวิตของคุณ ที่พระองค์ทรงสมควรได้รับการสรรเสริญ การนมัสการ และการยกย่องทั้งหมด การถวายของคุณคือวิธีหนึ่งในการนมัสการและขอบพระคุณพระองค์สำหรับทุกสิ่งที่พระองค์ได้ทำในชีวิตของคุณ

<strong>คำอธิษฐาน<strong>

                <p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; ข้าแต่พระบิดาในสวรรค์ ข้าพระองค์ยกย่องพระองค์ และนมัสการพระองค์ด้วยหมดใจของข้าพระองค์ พระองค์เท่านั้นที่สมควรได้รับคำสรรเสริญและการยกย่องจากข้าพระองค์ ด้วยความยินดีในใจของข้าพระองค์ ข้าพระองค์ถวายเกียรติและนมัสการพระองค์ด้วยเครื่องถวายบูชาของข้าพระองค์ พระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก สรรเสริญพระนามของพระองค์ตลอดไป!

<strong>ศึกษาเพิ่มเติม: <strong> สดุดี 96:8; สดุดี 50:23; ฮีบรู 13:15


<a href=”http://rorthai.com/alatir/wp-content/uploads/2012/11/PastorChris02.jpg”><img src=”http://rorthai.com/alatir/wp-content/uploads/2012/11/PastorChris02.jpg” alt=”” title=”PastorChris02″ width=”92″ height=”140″ class=”alignleft size-full wp-image-548″/></a>ศุกร์ ที่ 27 ตุลาคม 2017

<strong>ตระหนักว่าคุณเป็นใคร<strong>

The Consciousness Of Who You Are

                “เพราะว่าเราลงมาจากสวรรค์ ไม่ใช่เพื่อทำตามความประสงค์ของเราเอง แต่เพื่อทำตามพระประสงค์ของผู้ทรงใช้เรามา (ยอห์น 6:38)

<!–more–>

 

                <p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; พระเยซูทรงแน่ใจในที่มาของพระองค์และวัตถุประสงค์การมาของพระองค์ พระองค์ตรัสว่า “…เราลงมาจากสวรรค์ ไม่ใช่เพื่อทำตามความประสงค์ของเราเอง แต่เพื่อทำตามพระประสงค์ของผู้ทรงใช้เรามา” ในยอห์น 6:35 พระองค์ตรัสว่า “…เราเป็นอาหารแห่งชีวิต คนที่มาหาเราจะไม่หิว และคนที่วางใจในเราจะไม่กระหายอีกเลย” พระองค์ทรงตระหนักถึงตัวตน ที่มา และพันธกิจของพระองค์ พระองค์ทรงทราบว่าพระองค์ถูกส่งมา และทรงทราบว่าใครเป็นผู้ที่ส่งพระองค์มา และประกาศออกมาตามนั้น

 

                <p>ความท้าทายที่คริสเตียนหลายคนเผชิญก็คือว่าพวกเขาไม่รู้ว่าพวกเขาเป็นใคร และคุณสามารถบอกได้จากวิธีที่พวกเขาเดินไป จินตนาการถึงคริสเตียนที่พูดว่า “ฉันเป็นโรคความดัน หรือฉันเป็นโรคเบาหวาน” แท้จริงแล้วการประกาศถึงสิ่งเหล่านี้เหมือนกับว่าเป็นสิ่งที่น่านับถือหรือเป็นที่นิยมที่จะทำเช่นนั้น แต่พระคำกล่าวว่า “ไม่มีชาวเมืองคนไหนจะพูดว่า “ข้าป่วยอยู่”” (อิสยาห์ 33:24) สิ่งนี้เกี่ยวข้องกับความคิดของพวกเขา คนเช่นนั้นไม่ได้พัฒนาความคิดของพระคริสต์

 

                <p>เมื่อคุณบังเกิดใหม่ คุณได้บังเกิดเข้าสู่สุขภาพ ชีวิตของพระเจ้าได้มาแทนที่ชีวิตมนุษย์ของคุณที่ไวต่อความเจ็บป่วยและโรคร้าย คุณไม่ใช่คนธรรมดาและจะต้องไม่พูดเหมือนคนทั่วไป ชีวิตของคุณมาจากพระวิญญาณ คงรักษาไว้โดยพระคำ ไม่ใช่โดยโลหิตไหลในเส้นเลือดของคุณ คุณไม่ได้เป็น “คนที่เจ็บป่วยได้” คริสเตียนเป็นคนที่ “ติดเชื้อไม่ได้” นั่นคือสิ่งที่พระเยซูได้ตรัสไว้ พระองค์ตรัสว่า “…ถ้าพวกเขากินยาพิษใดๆ มันจะไม่ทำอันตรายแก่พวกเขา” (มาระโก 16:18)

 

                <p>แต่จนกว่าสิ่งนี้จะกลายเป็นสิ่งที่คุณตระหนักรู้ คุณจะไม่สามารถเดินในความจริงในเรื่องนี้ได้ ทำให้ตัวเองทราบและตระหนักว่าคุณเป็นใครในพระคริสต์ พระคำของพระเจ้าประทานข้อมูลที่ถูกต้องกับคุณว่าคุณเป็นใครในฐานะที่คุณเป็นคริสเตียน ดังนั้นศึกษาและภาวนา พระคำเสมอ พระคำจะประทานความคิดที่ถูกต้องแก่คุณ เป็นแนวความคิดแห่งชัยชนะ

<strong>คำอธิษฐาน<strong>

                <p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; ข้าแต่พระบิดา ขอบพระคุณพระองค์สำหรับการสำแดงแห่งพระคำของพระองค์ในวิญญาณของข้าพระองค์ในวันนี้ พระคำของพระองค์ที่เข้ามาในวิญญาณของข้าพระองค์ประทานแสงสว่างแก่ข้าพระองค์ และข้าพระองค์ดำเนินชีวิตในแสงสว่างนั้น! ด้วยแสงสว่างนั้น ข้าพระองค์มองเห็นและรับเอาชีวิตที่ยิ่งใหญ่ในพระคริสต์ ในนามพระเยซู อาเมน

<strong>ศึกษาเพิ่มเติม: <strong> ฟีเลโมน 1:6


<a href=”http://rorthai.com/alatir/wp-content/uploads/2012/11/PastorChris02.jpg”><img src=”http://rorthai.com/alatir/wp-content/uploads/2012/11/PastorChris02.jpg” alt=”” title=”PastorChris02″ width=”92″ height=”140″ class=”alignleft size-full wp-image-548″/></a>พฤหัสบดี ที่ 26 ตุลาคม 2017

<strong>เต็มเปี่ยมด้วยพระเจ้า<strong>

Replete With God

                “เพราะพระองค์ผู้ที่พระเจ้าทรงใช้มานั้นทรงกล่าวพระดำรัสของพระเจ้า เพราะพระเจ้าไม่ได้ประทานพระวิญญาณอย่างจำกัด”(ยอห์น 3:34)

<!–more–>

 

                <p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; โคโลสี 2:9 บอกเราว่าพระเยซูทรงมี “…ความเป็นพระเจ้าที่ครบบริบูรณ์ทั้งสิ้นดำรงอยู่ในพระกายของพระองค์” เมื่อพระเยซูทรงดำเนินบนโลกนี้ พระองค์เต็มล้นด้วยพระเจ้าทำให้เรารู้ว่าเราก็สามารถเต็มล้นด้วยพระเจ้าด้วยเช่นกัน พระองค์ทรงเป็นพระคำที่มาบังเกิดเป็นมนุษย์ พระองค์ได้รับการเรียกว่าเป็นพระบุตรของพระเจ้า เพราะว่าพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าที่บังเกิดเป็นมนุษย์ ชาวยิวทราบถึงความหมายของ “พระบุตรของพระเจ้า” ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมเมื่อพระเยซูตรัสว่า “เราเป็นบุตรของพระเจ้า” พวกเขาจึงทนไม่ได้

 

                <p>พระเยซูทรงเต็มเปี่ยมด้วยพระเจ้า นั่นมีความหมายว่าเต็มไปด้วยพระเจ้า ถ้าสิ่งนี้เป็นจริงกับพระเยซู (ซึ่งเป็นความจริง) แล้วเราซึ่งเป็นทายาทร่วมกับพระองค์ล่ะ? ถ้าพระเจ้าทรงเต็มเปี่ยมด้วยพระเจ้าและได้รับการเจิมอย่างไม่จำกัด โดยได้รับการส่งลงมาโดยพระเจ้า เราก็ได้รับการเจิมอย่างไม่จำกัดเช่นกัน เพราะพระเยซูตรัสว่า “…พระบิดาทรงใช้เรามาอย่างไร เราก็ใช้พวกท่านไปอย่างนั้น” (ยอห์น 20:21)

 

                <p>ไม่น่าแปลกใจที่โคโลสี 2:10 กล่าวว่า “และพวกท่านได้รับความครบบริบูรณ์ในพระองค์ ผู้ทรงเป็นศีรษะเหนือภูตผีที่ครอบครองและภูตผีที่มีอำนาจทั้งหมด” คำว่า “ครบบริบูรณ์” คือความครบถ้วน ได้รับการทำให้เต็ม! เราเต็มด้วยพระเจ้า แบบเดียวกับที่พระเยซูทรงเต็มด้วยพระเจ้า นั่นหมายความว่าพระเจ้าทรงสถิตภายในร่างกายเราเหมือนกับที่พระองค์ทรงอยู่ในพระเยซู

 

                <p>นั่นคือเหตุผลที่พระองค์ตรัสว่า “เราบอกความจริงกับพวกท่านว่า คนที่วางใจในเราจะทำกิจการที่เราทำนั้นด้วย และเขาจะทำกิจที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นอีก เพราะว่าเราจะไปหาพระบิดาของเรา” (ยอห์น 14:12) เราสามารถทำการงานที่ยิ่งใหญ่กว่าได้เพราะว่าเราได้รับการเจิมอย่างไม่จำกัด ความบริบูรณ์ของพระเจ้าทรงสถิตภายในเรา สรรเสริญพระเจ้า

<strong>ถ้อยคำแห่งความเชื่อ<strong>

                <p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; พระวิญญาณของพระเจ้าทรงสถิตภายในข้าพเจ้า และพระองค์ทรงเจิมข้าพเจ้าโดยไม่จำกัดขนาด! ข้าพเจ้าเต็มด้วยพระเจ้า! ข้าพเจ้าจะไม่พ่ายแพ้หรือเสียเปรียบ ข้าพเจ้าได้รับการเจิมเพื่อเดินในความชอบธรรม และทำกิจแห่งความชอบธรรม เพื่อประกาศอิสรภาพแก่ผู้ที่ถูกกดขี่ และทำให้คนตาบอดมองเห็น รักษาหัวใจที่แตกสลาย และปลดปล่อยคนที่ถูกข่มเหงให้เป็นอิสระ และทำให้หัวใจที่ชั่วร้ายและไม่เชื่อฟังหันกลับมาสู่สติปัญญาและความชอบธรรม!

 ฮาเลลูยา!

<strong>ศึกษาเพิ่มเติม: <strong> 1 ยอห์น 4:4; ยอห์น 2:27


<a href=”http://rorthai.com/alatir/wp-content/uploads/2012/11/PastorChris02.jpg”><img src=”http://rorthai.com/alatir/wp-content/uploads/2012/11/PastorChris02.jpg” alt=”” title=”PastorChris02″ width=”92″ height=”140″ class=”alignleft size-full wp-image-548″/></a>พุธ ที่ 25 ตุลาคม 2017

<strong>อธิษฐานเผื่อผู้อื่น<strong>

Praying For Others

                        “แต่ถ้าแม้ข่าวประเสริฐของเรายังถูกปิดบังไว้อีก ก็ถูกปิดบังไว้จากพวกที่กำลังจะพินาศ คือในกรณีของพวกเขา พระของยุคนี้ได้ทำให้ความคิดของคนที่ไม่เชื่อมืดมนไป เพื่อไม่ให้เห็นความสว่างของข่าวประเสริฐ คือเรื่องพระสิริของพระคริสต์ผู้ทรงเป็นพระฉายาของพระเจ้า”(2 โครินธ์ 4:3-4)

<!–more–>

 

                        <p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; ผลกระทบของการปรนนิบัติในการเป็นปุโรหิตของเราในฐานะคริสเตียนคือการอธิษฐานเผื่อผู้อื่น อธิษฐานแทนพวกเขาต่อสู้กับพลังของความมืด เป็นสิ่งสำคัญอย่างมากสำหรับเราที่จะทำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่อยู่ท่ามกลางเราที่อาจจะยังอ่อนแอ ไม่รู้เท่าที่ควร และไม่สามารถยืนอยู่ด้วยตัวของพวกเขาเองได้เป็นสิ่งสำคัญที่จะระลึกไว้เสมอว่า เมื่อเราอธิษฐานวิงวอน พระเจ้าไม่ใช่ผู้ที่รั้งไว้และไม่ตอบเรา พระองค์ไม่ใช่ผู้ที่ทำให้เกิดปัญหา ดังนั้นเราไม่ควรอธิษฐานเหมือนกับว่าพระองค์คือผู้ที่เรากำลังพยายามขอร้องให้ทำ

 

                        <p>ยกตัวอย่างเช่น ถ้าคุณกำลังอธิษฐานเผื่อใครบางคนที่ป่วยอยู่ ไม่ใช่พระเจ้าที่ทำให้เขาป่วย ดังนั้นคงจะเป็นสิ่งผิดที่จะอ้อนวอนของพระเจ้าที่จะรักษาเขา ตรงกันข้าม คุณจะต้องยืนอยู่บนสิทธิอำนาจของพระเยซูคริสต์ต่อสู้กับความเจ็บป่วย คุณจะต้องสม่ำเสมอในการอธิษฐาน เพิ่มแรงกดดันต่อศัตรู เป็นตัวแทนของคนที่กำลังป่วยอยู่ เพื่อช่วยเขาให้ได้รับการรักษา

 

<p>คุณอาจอธิษฐานมาเป็นเวลานานแล้วสำหรับความรอดของบางคน และอาจดูเหมือนไม่มีคำตอบที่ดี เหตุผลอาจเป็นเพราะว่าคุณอธิษฐานเหมือนกับว่าพระเจ้าคือผู้ที่รั้งคนนั้นไว้จากการได้รับความรอด ที่ผ่านมาคุณอาจร้องขอให้พระเจ้าทรง “ช่วย” เขา ไม่ใช่! พระคำของพระเจ้าที่นำพาความรอดมามีพร้อมสำหรับมนุษย์ทุกคนแล้ว (ทิตัส 2:11) ในพระคริสต์ ความรอดนั้นได้ประทานให้แก่มนุษย์ทุกคน นี่เป็นส่วนหนึ่งของสิ่งที่พระเยซูมาเพื่อทำให้สำเร็จ

 

                        <p>ดังนั้น ในการอธิษฐานเผื่อผู้ที่หลงหาย คุณต้องต่อสู้กับซาตาน! มันคือพระเจ้าของโลกนี้ เป็นผู้ที่ปิดตาใจของมนุษย์เพื่อที่พวกเขาจะไม่เชื่อในข่าวประเสริฐ มันคือเหตุผลที่บางคนจะทำทุกอย่างเพื่อที่จะปฏิเสธข้อความแห่งข่าวประเสริฐ แต่สรรเสริญพระเจ้า! ในฐานะคริสเตียน เรามีสิทธิอำนาจที่จะทำลายการยึดครองของมารในความคิดของผู้คน เพื่อที่แสงสว่างแห่งข่าวประเสริฐของพระคริสต์จะส่องเข้าไปและนำพาพวกเขามาถึงความรอด

 

                        <p>ถ้ามีบางคนที่คุณได้อธิษฐานเผื่อเขาให้ได้รับความรอด นั่นคือสิ่งที่คุณจำเป็นต้องทำ! เขียนชื่อของเขาลงบนกระดาษ และประกาศว่า “ในนามพระเยซู ข้าพเจ้าสั่งทำลายอำนาจของมารร้าย และข้าพเจ้าประกาศการปลดปล่อยและความรอดให้กับเขา” คุณจะประหลาดใจว่าการอธิษฐานที่เรียบง่ายแบบนี้ที่จะทำให้คุณได้รับผลลัพธ์ที่ต้องการ

<strong>คำอธิษฐาน<strong>

                        <p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; ขอบพระคุณพระบิดาที่ทรงประทานสิทธิอำนาจแก่ข้าพระองค์เพื่อที่จะทำลายโซ่ตรวนและอิทธิพลของมารร้ายที่มีเหนือชีวิตของผู้คนที่ต้องการได้รับความรอด ข้าพระองค์ประกาศความรอด การปลดปล่อย การรักษา และสุขภาพเหนือคนมากมายที่อยู่ในโลกในวันนี้ คนที่พระองค์ได้กำหนดให้ได้รับสิ่งเหล่านั้น! ข้าพระองค์ประกาศว่าข่าวประเสริฐได้เพิ่มขึ้นและมีชัยชนะอยู่ทั่วโลกนี้ นำการเก็บเกี่ยววิญญาณจิตมากมายมาสู่แผ่นดินของพระเจ้า ในนามพระเยซู อาเมน

<strong>ศึกษาเพิ่มเติม: <strong> 1 ทิโมธี 2:3-4; ลูกา 9:1


<a href=”http://rorthai.com/alatir/wp-content/uploads/2012/11/PastorChris02.jpg”><img src=”http://rorthai.com/alatir/wp-content/uploads/2012/11/PastorChris02.jpg” alt=”” title=”PastorChris02″ width=”92″ height=”140″ class=”alignleft size-full wp-image-548″/></a>อังคาร ที่ 24 ตุลาคม 2017

<strong>คุณที่สามารถพึ่งพาตัวเองได้<strong>

The Self-sufficient You

                “เพราะเหมือนฝนและหิมะลงมาจากฟ้าสวรรค์ และไม่กลับที่นั่นเว้นแต่ได้รดแผ่นดินโลก แล้วทำให้บังเกิดผลและแตกหน่อ ทั้งให้เมล็ดพืชแก่ผู้หว่านและอาหารแก่คนกิน ทำนองเดียวกัน คำของเราที่ออกจากปากของเรา จะไม่กลับมาสู่เราเปล่าๆ แต่จะทำให้สิ่งที่เราพอใจนั้นสำเร็จ และให้สิ่งที่เราใช้ไปทำนั้นเสร็จสิ้น”

(อิสยาห์ 55:10-11)

<!–more–>

 

                <p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; ในขณะที่กำลังอธิบายถึงคำอุปมาเรื่องผู้หว่านกับเหล่าสาวกของพระองค์ พระเยซูได้เปรียบเทียบดินที่ใช้หว่านเมล็ดว่าเป็นเหมือนใจของคน “…ผู้ที่หว่านนั้นก็หว่านพระวจนะ ส่วนที่ตกริมหนทางนั้นได้แก่พระวจนะที่หว่านลงไป แล้วทันทีที่พวกเขาได้ยิน ซาตานก็มาชิงเอาพระวจนะที่หว่านในตัวเขาไปเสีย” (มาระโก 4:13-15) ดังนั้น หัวใจหรือวิญญาณของมนุษย์จึงเหมือนกับ “ดิน” ในข้อพระคำตอนต้น

 

                <p>นี่หมายความว่าเป็นวิญญาณของมนุษย์ที่ทำให้เกิดผลและแตกหน่อเมื่อได้ยินพระคำ โดยการที่ได้บังเกิดใหม่แล้ว คุณจะต้องปลูกฝังหัวใจของคุณให้เป็นดินที่ร่วนพร้อมสำหรับพระคำ เพื่อที่จะสามารถ “บังเกิดผลและแตกหน่อ ทั้งให้เมล็ดพืชแก่ผู้หว่านและอาหารแก่คนกิน” อย่าคาดหวังว่าเมล็ดและอาหารจะมาจากที่อื่น สิ่งเหล่านี้มาจากภายในคุณ ภายในคุณคือความสามารถที่จะทำให้เกิดเมล็ดสำหรับหว่าน และขนมปังสำหรับอาหาร

 

                <p>นี่หมายความว่าชัยชนะสำหรับความยากลำบาก คำตอบสำหรับปัญหา สุขภาพสำหรับความเจ็บป่วย ทุกๆ อย่างนี้อยู่ภายในคุณ! พระเจ้าไม่ได้สร้างผู้ที่ถูกสร้างใหม่เพื่อที่จะต้องพึ่งพาอะไรหรือใคร ไม่แม้แต่พระองค์ นี่ไม่ได้หมายความว่าคุณไม่ “ต้องการ” พระเจ้า แต่เน้นย้ำความจริงว่าพระองค์ได้ทำให้คุณสามารถพึ่งพาตัวเองได้ ไม่ต้องได้รับการช่วยเหลือภายนอกหรือการสนับสนุนเพื่อที่จะมีชีวิตที่ประสบความสำเร็จในโลกนี้

 

                <p>2 โครินธ์ 9:8 บอกเราบางอย่างที่สำคัญเกี่ยวกับเรื่องนี้ “และพระเจ้าสามารถประทานพรทุกอย่างแก่ท่านทั้งหลายอย่างเหลือล้น เพื่อว่าเมื่อมีทุกอย่างเพียงพออยู่เสมอ ท่านยังจะมีเหลือล้นสำหรับการดีทุกอย่างด้วย”

 

                <p>ทั้งหมดที่คุณต้องการสำหรับชีวิตที่พึ่งพาตัวเองแห่งความสำเร็จในโลกนี้คือพระคำของพระเจ้า พระคำของพระเจ้าคือสิ่งที่ให้พลังแก่ “ดิน” (หัวใจของคุณ) เพื่อทำให้เกิดเมล็ดสำหรับการหว่านและขนมปังสำหรับอาหาร ทุกครั้งที่คุณได้รับพระคำเข้าไปในใจของคุณ ภาวนาและปฏิบัติตามพระคำ และพระคำนั้นจะเกิดผลในชีวิตของคุณ

<strong>คำอธิษฐาน<strong>

                <p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; ข้าแต่พระบิดา ขอบพระคุณพระองค์สำหรับพระคำที่เข้ามาและได้ประทานแสงสว่างและความเข้าใจแก่ข้าพระองค์ ดังนั้นข้าพระองค์จึงพร้อมสำหรับชีวิตแห่งความสำเร็จที่ไม่มีวันสิ้นสุด ผ่านทางฤทธิ์เดชแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่ทำงานภายในข้าพระองค์ ในนามพระเยซู  อาเมน

<strong>ศึกษาเพิ่มเติม: <strong>สุภาษิต 4:23; 2 เปโตร 1:3; 1 ยอห์น 4:4; โยชูวา 1:8