<a href=”http://rorthai.com/alatir/wp-content/uploads/2012/11/PastorChris02.jpg”><img src=”http://rorthai.com/alatir/wp-content/uploads/2012/11/PastorChris02.jpg” alt=”” title=”PastorChris02″ width=”92″ height=”140″ class=”alignleft size-full wp-image-548″/></a>อังคาร ที่ 31 ตุลาคม 2017

<strong>พระองค์ทรงเป็นพระบิดาในสวรรค์ของเรา<strong>

Pastor Chris He’s Our Heavenly Father

                “ท่านที่รักทั้งหลาย ขอให้เรารักกันและกัน เพราะว่าความรักมาจากพระเจ้า และทุกคนที่รักก็เกิดจากพระเจ้า และรู้จักพระเจ้า ผู้ที่ไม่รักก็ไม่รู้จักพระเจ้า เพราะว่าพระเจ้าทรงเป็นความรัก” (1 ยอห์น 4:7-8)

<!–more–>

 

                <p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; พระเจ้าทรงเป็นพระบิดาของคุณ! พระเยซูทรงยืนยันในเรื่องนี้ในยอห์น 20:17 เมื่อพระองค์ตรัสกับมารีย์ว่า “…อย่าหน่วงเหนี่ยวเราไว้ เพราะเรายังไม่ได้ขึ้นไปหาพระบิดาของเรา แต่จงไปหาพวกพี่น้องของเรา และบอกเขาว่าเรากำลังจะขึ้นไปหาพระบิดาของเราและพระบิดาของพวกท่าน ไปหาพระเจ้าของเราและพระเจ้าของพวกท่าน” พระเยซูทรงทราบว่าพระเจ้าทรงเป็นพระบิดาของพระองค์ พระองค์ทรงเรียกพระองค์ว่าเป็นพระบิดาในสวรรค์ของเรา พระองค์ทรงเป็นเช่นนั้นจริงๆ เราเป็นลูกๆ ของพระองค์

 

                <p>1 ยอห์น 3:1 กล่าวว่า “ลองคิดดู พระบิดาได้ประทานความรักแก่เราเพียงไรที่เราได้ชื่อว่าเป็นลูกของพระเจ้า และเราก็เป็นอย่างนั้น เหตุที่ชาวโลกไม่รู้จักเรา ก็เพราะเขาไม่รู้จักพระองค์” โอ ฤทธิ์เดชและความสำคัญของข้อนี้! พระองค์ได้ประทานความรักของพระองค์แก่เรา เพื่อที่เราจะได้รับการเรียกว่า “ลูก” ของพระเจ้า! คุณทราบหรือไม่ว่านั่นหมายความว่าอย่างไร? นั่นหมายความว่าเราเป็นลูกของพระองค์ในลักษณะเดียวกันที่พระเยซูทรงเป็นลูกของพระเจ้า

 

                <p>ถ้าคุณยังจำได้ว่า อะไรเป็นเหตุผลที่ชาวยิวต้องการให้พระองค์ตาย พวกเขาได้ยินพระองค์ตรัสว่า “เราเป็นบุตรของพระเจ้า!” พวกเขากล่าวว่า “เพราะเหตุนี้พวกยิวยิ่งหาโอกาสที่จะฆ่าพระองค์ ไม่ใช่เพราะพระองค์ฝ่าฝืนกฎวันสะบาโตเท่านั้น แต่ยังเรียกพระเจ้าเป็นบิดาด้วย ซึ่งเป็นการทำตัวเสมอพระเจ้า” (ยอห์น 5:18)

 

                <p>ส่วนท้ายของ 1 ยอห์น 3:1 ที่เราได้อ่านไปบอกว่า “…เหตุที่ชาวโลกไม่รู้จักเรา ก็เพราะเขาไม่รู้จักพระองค์” โลกนี้ไม่รู้จักพระเจ้าในฐานะพระบิดาของเรา และเราในฐานะลูกที่ถูกต้องของพระองค์ โดยมีชีวิตและธรรมชาติเดียวกันเหมือนพระองค์ เพราะว่าพวกเขาไม่ได้ตระหนักว่าพระเยซูทรงเป็นเช่นนั้นเมื่อพระองค์ทรงดำเนินในโลกนี้ อย่างไรก็ตาม “เดี๋ยวนี้เราเป็นลูกของพระเจ้า” (1 ยอห์น 3:2)

 

                <p>ตอนนี้เมื่อคุณบังเกิดใหม่แล้ว คุณได้รับการทำให้มีชีวิตและตื่นขึ้นในความเป็นพระบิดาของพระเ จ้าชีวิตนิรันดร์ได้รับการใส่ไว้ในวิญญาณของคุณแล้ว และมีการสามัคคีธรรม ความเป็นหนึ่งเดียวกันกับพระเจ้าที่เป็นจริง “และเพราะท่านทั้งหลายเป็นบุตรแล้วพระองค์จึงทรงใช้พระวิญญาณแห่งพระบุตรของพระองค์ เข้ามาในใจของเราร้องว่า “อับบา (พ่อ)”” (กาลาเทีย 4:6)

<strong>คำอธิษฐาน<strong>

                <p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; ข้าแต่พระบิดา ข้าพระองค์ขอบพระคุณพระองค์สำหรับความรักที่ยิ่งใหญ่ที่พระองค์ได้ทรงรักข้าพระองค์ สำแดงโดยการส่ง

พระเยซูมาตายแทนข้าพระองค์เพื่อไถ่บาปของข้าพระองค์ ตอนนี้ข้าพระองค์สามารถเรียกพระองค์ว่าเป็นพระบิดาที่รัก ข้าพระองค์ไม่เดินในความกลัว แต่ในความมั่นใจ รู้ว่าความรักของพระองค์ที่มีสำหรับข้าพระองค์นั้นถาวร! ขอบพระคุณพระองค์ที่ทรงนำข้าพระองค์เข้าสู่ความเป็นหนึ่งเดียวกันกับพระองค์ ในนามพระเยซู

<strong>ศึกษาเพิ่มเติม: <strong> โรม 5:7-8; 1 ยอห์น 4:16-19


<a href=”http://rorthai.com/alatir/wp-content/uploads/2012/11/PastorChris02.jpg”><img src=”http://rorthai.com/alatir/wp-content/uploads/2012/11/PastorChris02.jpg” alt=”” title=”PastorChris02″ width=”92″ height=”140″ class=”alignleft size-full wp-image-548″/></a>จันทร์ ที่ 30 ตุลาคม  2017

<strong>รับการยกโทษ<strong>

Receive Forgiveness

                “ฉะนั้นขอให้เราเข้ามาถึงพระที่นั่งแห่งพระคุณด้วยความกล้า เพื่อเราจะได้รับพระเมตตา และจะพบพระคุณที่ช่วยเราในยามต้องการ” (ฮีบรู 4:16)

<!–more–>

 

                <p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; บางครั้ง ในการนำคนบาปมาหาพระคริสต์ บางคนพูดบอกพวกเขาให้สารภาพความบาปทั้งหมดของพวกเขา เมื่อคนบาปเริ่มต้นสารภาพความบาปของพวกเขา พระเจ้าไม่สามารถมองเห็นความบาปเหล่านั้นได้ เพราะว่าพระองค์ไม่มีบันทึกความบาปของคนนั้น สิ่งที่พระองค์ทรงสนใจคือการนำเอาความบาปออกไปจากวิญญาณของคนบาป เมื่อความบาปออกจากวิญญาณของเขาแล้ว เขาก็พร้อมที่จะได้รับการสร้างใหม่

 

                <p>ในฐานะคริสเตียน คุณเป็นผู้ที่ถูกสร้างใหม่ เกิดมาโดยไม่มีอดีต ชีวิตของคุณเริ่มต้นเมื่อคุณบังเกิดใหม่ (2 โครินธ์ 5:17) อย่างไรก็ดี ถ้า ณ จุดหนึ่งในการเดินตามความเชื่อของคุณ คุณได้ทำผิดหรือทำบางสิ่งผิดพลาด พระคำกล่าวว่าคุณได้รับการยกโทษในพระคริสต์ “ลูกของข้าพเจ้าเอ๋ย ข้าพเจ้าเขียนข้อความเหล่านี้ถึงท่านทั้งหลายเพื่อท่านจะได้ไม่ทำบาป และถ้าใครทำบาป เราก็มีผู้ช่วยทูลขอพระบิดาเพื่อเรา คือพระเยซูคริสต์ผู้ทรงเที่ยงธรรมนั้น และพระองค์ทรงเป็นเครื่องบูชาลบบาปของเรา และไม่ใช่แค่บาปของเราเท่านั้น แต่ของทั้งโลกด้วย” (1 ยอห์น 2:1-2)

 

                <p>นั่นคือเหตุผลว่าทำไมในข้อพระคำตอนต้นของเราจึงบอกเราที่จะรับเอาพระเมตตาหรือการอภัยบาป สังเกตว่าพระคำไม่ได้กล่าวว่า “ขอการยกโทษ” ลองคิดดูว่า ถ้าในฐานะคริสเตียน คุณขอพระเจ้าสำหรับการยกโทษ พระเจ้าจะทรงบอกคุณตอนไหนว่า “เราได้ยกโทษให้เจ้าแล้ว?” คุณก็จะยังคงขอการยกโทษอยู่ และคุณจะไม่มีทางรู้เลยว่าคุณได้รับการยกโทษหรือไม่

 

                <p>แต่พระคำกล่าวว่า “แต่พระเจ้าทรงมีพระคุณให้เขาเป็นผู้ชอบธรรมโดยไม่คิดมูลค่า โดยที่พระเยซูคริสต์ทรงไถ่เขาให้พ้นบาปแล้ว” (โรม 3:24) ในการได้รับการชำระคือการได้รับประกาศว่าไม่ผิด เราได้รับการชำระตามที่พระคำได้บอกไว้ หมายความว่าพระเจ้าได้ประกาศว่าเราพ้นผิดจากความบาปของเรา พระองค์ได้จ่ายเต็มราคาสำหรับความบาปของเราผ่านทางพระเยซูคริสต์แล้ว

 

                <p>ดังนั้น ให้ปฏิเสธที่จะ “ตระหนักในความบาป” แต่ให้ “ตระหนักในความชอบธรรม” ถ้าคุณได้ทำบางสิ่งผิดพลาดไป ให้กล้าที่จะรับการยกโทษ พูดว่า

“พระบิดา ข้าพระองค์ได้รับการยกโทษสำหรับสิ่งที่ข้าพระองค์ได้ทำผิดไป ในนามพระเยซู” และเดินออกไปโดยปราศจากความผิด ฮาเลลูยา!

<strong>คำอธิษฐาน<strong>

                <p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; ข้าแต่พระบิดา ขอบพระคุณพระองค์สำหรับความรอดที่ข้าพระองค์ได้รับในพระคริสต์อย่างครบถ้วน ข้าพระองค์เดินในความกล้าหาญโดยรู้ว่าข้าพระองค์ได้รับการชำระแล้ว ปราศจากความผิดในสายพระเนตรของพระองค์ ข้าพระองค์ตระหนักในธรรมชาติแห่งความชอบธรรมของข้าพระองค์ และข้าพระองค์เดินในแสงสว่างแห่งความชอบธรรมนั้น ในนามพระเยซู อาเมน

<strong>ศึกษาเพิ่มเติม: <strong>กิจการ 26:18; สดุดี 130:4


อาทิตย์ ที่ 29 ตุลาคม 2017

การตอบสนองแห่งความเชื่อของคุณต่อพระคำ

Your Faith-response To The Word

                “เพราะว่าไม่มีสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่พระเจ้าทรงทำไม่ได้” (ลูกา 1:37)

 

พระคำของพระเจ้ามาถึงคุณด้วยฤทธิ์เดชที่จะทำให้เกิดสิ่งที่กล่าวไว้ภายในคุณ พระคำของพระองค์ไม่เคยมาแบบว่างเปล่า อย่างไรก็ดี คุณจะต้องรับพระคำนั้นในความเชื่อและตอบสนองตามนั้น นั่นคือสิ่งที่มารีย์ได้ทำเมื่อทูตสวรรค์ของพระเจ้าได้นำข้อความจากพระเจ้ามา บอกว่าเธอจะให้กำเนิดพระผู้ช่วยให้รอด คือพระเยซู เธอตอบว่า “…นี่แน่ะ ข้าพเจ้าเป็นทาสขององค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าพร้อมที่จะเป็นไปตามคำของท่าน…” (ลูกา 1:38)

 

                เธอวางใจในข้อความนั้น เธอเชื่อข้อความนั้นและตอบสนองด้วยความเห็นพ้อง และพระคำนั้นก็เกิดผล นั่นคือวิธีที่คุณจะต้องตอบสนองต่อพระเจ้า พระคำกล่าวว่า “…พระองค์ได้ตรัสว่า…เพราะฉะนั้นเราอาจกล่าวด้วยความมั่นใจว่า…” (ฮีบรู 13:6) การตอบสนองแห่งความเชื่อของคุณคือสิ่งที่คุณกล่าวออกไปตามสิ่งที่พระคำของพระเจ้าได้มาถึงคุณ พระเจ้าไม่ได้ให้พระคำของพระองค์แก่เราเพื่อที่เราจะสามารถเชื่อได้ แต่สิ่งที่สำคัญคือการที่เราจะสามารถตอบสนองต่อพระคำนั้นได้ ดังนั้นคุณสามารถตอบสนองเป็นการส่วนตัวด้วยการประกาศความเชื่อของคุณบนพื้นฐานแห่งพระคำของพระองค์ เป็นการยืนยันที่ทำให้เกิดผลลัพธ์

 

                ยกตัวอย่างเช่น พระคำกล่าวว่า “…พระคริสต์สถิตในพวกท่าน อันเป็นความหวังที่จะได้รับศักดิ์ศรี” (โคโลสี 1:27) ดังนั้นการตอบสนองแห่งความเชื่อของคุณจึงควรจะเป็นว่า “พระคริสต์สถิตภายในข้าพเจ้า ดังนั้นในการรับใช้ของข้าพเจ้า ในสุขภาพของข้าพเจ้า ในการเงินของข้าพเจ้า ในครอบครัวของข้าพเจ้า การงาน ธุรกิจ การเรียน และทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับข้าพเจ้า พระสิริของพระเจ้าจะได้รับการสำแดงออก! ข้าพเจ้าเดินในความยอดเยี่ยมและในพระสิริของพระคริสต์ ไม่มีข้อตำหนิในชีวิตของข้าพเจ้า!

 

                สดุดี 23:4 กล่าวว่า “แม้ข้าพระองค์จะเดินฝ่าหุบเขาเงามัจจุราช ข้าพระองค์ไม่กลัวอันตรายใดๆ เพราะพระองค์สถิตกับข้าพระองค์…” การตอบสนองแห่งความเชื่อของคุณควรจะเป็นว่า “ไม่ว่ามารร้ายหรือศัตรูจะเป็นอะไร ข้าพเจ้ามีชัยชนะเหนือสิ่งเหล่านั้น เพราะว่าผู้ที่สถิตภายในข้าพเจ้ายิ่งใหญ่กว่าผู้ที่อยู่ในโลกนี้” ฮาเลลูยา! ทำให้พระคำเกิดผลในชีวิตของคุณด้วยการตอบสนองแห่งความเชื่อของคุณ

คำอธิษฐาน

              ข้าแต่พระบิดา ข้าพระองค์ขอบพระคุณพระองค์ที่ทรงสนองพระคำของพระองค์ และฤทธิ์เดชในพระคำนั้น ขอบพระคุณพระองค์สำหรับพระวิญญาณบริสุทธิ์ ที่สอนให้ข้าพระองค์ตอบสนองอย่างถูกต้องต่อพระคำ ข้าพระองค์เดินในความชอบธรรม สุขภาพ ความมั่งมี ชัยชนะ และพระสิริของพระองค์ในวันนี้ ในนามพระเยซู อาเมน

ศึกษาเพิ่มเติม: เยเรมีย์ 29:11; โรม 8: 35-37; 2 เปโตร 1:3


<a href=”http://rorthai.com/alatir/wp-content/uploads/2012/11/PastorChris02.jpg”><img src=”http://rorthai.com/alatir/wp-content/uploads/2012/11/PastorChris02.jpg” alt=”” title=”PastorChris02″ width=”92″ height=”140″ class=”alignleft size-full wp-image-548″/></a>อาทิตย์ ที่ 29 ตุลาคม 2017

<strong>การตอบสนองแห่งความเชื่อของคุณต่อพระคำ<strong>

Your Faith-response To The Word

                “เพราะว่าไม่มีสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่พระเจ้าทรงทำไม่ได้” (ลูกา 1:37)

<!–more–>

 

                <p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; พระคำของพระเจ้ามาถึงคุณด้วยฤทธิ์เดชที่จะทำให้เกิดสิ่งที่กล่าวไว้ภายในคุณ พระคำของพระองค์ไม่เคยมาแบบว่างเปล่า อย่างไรก็ดี คุณจะต้องรับพระคำนั้นในความเชื่อและตอบสนองตามนั้น นั่นคือสิ่งที่มารีย์ได้ทำเมื่อทูตสวรรค์ของพระเจ้าได้นำข้อความจากพระเจ้ามา บอกว่าเธอจะให้กำเนิดพระผู้ช่วยให้รอด คือพระเยซู เธอตอบว่า “…นี่แน่ะ ข้าพเจ้าเป็นทาสขององค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าพร้อมที่จะเป็นไปตามคำของท่าน…” (ลูกา 1:38)

 

                <p>เธอวางใจในข้อความนั้น เธอเชื่อข้อความนั้นและตอบสนองด้วยความเห็นพ้อง และพระคำนั้นก็เกิดผล นั่นคือวิธีที่คุณจะต้องตอบสนองต่อพระเจ้า พระคำกล่าวว่า “…พระองค์ได้ตรัสว่า…เพราะฉะนั้นเราอาจกล่าวด้วยความมั่นใจว่า…” (ฮีบรู 13:6) การตอบสนองแห่งความเชื่อของคุณคือสิ่งที่คุณกล่าวออกไปตามสิ่งที่

พระคำของพระเจ้าได้มาถึงคุณ พระเจ้าไม่ได้ให้พระคำของพระองค์แก่เราเพื่อที่เราจะสามารถเชื่อได้ แต่สิ่งที่สำคัญคือการที่เราจะสามารถตอบสนองต่อพระคำนั้นได้ ดังนั้นคุณสามารถตอบสนองเป็นการส่วนตัวด้วยการประกาศความเชื่อของคุณบนพื้นฐานแห่งพระคำของพระองค์ เป็นการยืนยันที่ทำให้เกิดผลลัพธ์

 

                <p>ยกตัวอย่างเช่น พระคำกล่าวว่า “…พระคริสต์สถิตในพวกท่าน อันเป็นความหวังที่จะได้รับศักดิ์ศรี” (โคโลสี 1:27) ดังนั้นการตอบสนองแห่งความเชื่อของคุณจึงควรจะเป็นว่า “พระคริสต์สถิตภายในข้าพเจ้า ดังนั้นในการรับใช้ของข้าพเจ้า ในสุขภาพของข้าพเจ้า ในการเงินของข้าพเจ้า ในครอบครัวของข้าพเจ้า การงาน ธุรกิจ การเรียน และทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับข้าพเจ้า พระสิริของพระเจ้าจะได้รับการสำแดงออก! ข้าพเจ้าเดินในความยอดเยี่ยมและในพระสิริของพระคริสต์ ไม่มีข้อตำหนิในชีวิตของข้าพเจ้า!

 

                <p>สดุดี 23:4 กล่าวว่า “แม้ข้าพระองค์จะเดินฝ่าหุบเขาเงามัจจุราช ข้าพระองค์ไม่กลัวอันตรายใดๆ เพราะพระองค์สถิตกับข้าพระองค์…” การตอบสนองแห่งความเชื่อของคุณควรจะเป็นว่า “ไม่ว่ามารร้ายหรือศัตรูจะเป็นอะไร ข้าพเจ้ามีชัยชนะเหนือสิ่งเหล่านั้น เพราะว่าผู้ที่สถิตภายในข้าพเจ้ายิ่งใหญ่กว่าผู้ที่อยู่ในโลกนี้” ฮาเลลูยา! ทำให้พระคำเกิดผลในชีวิตของคุณด้วยการตอบสนองแห่งความเชื่อของคุณ

<strong>คำอธิษฐาน<strong>

                <p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; ข้าแต่พระบิดา ข้าพระองค์ขอบพระคุณพระองค์ที่ทรงสนองพระคำของพระองค์ และฤทธิ์เดชในพระคำนั้น ขอบพระคุณพระองค์สำหรับพระวิญญาณบริสุทธิ์ ที่สอนให้ข้าพระองค์ตอบสนองอย่างถูกต้องต่อพระคำ ข้าพระองค์เดินในความชอบธรรม สุขภาพ ความมั่งมี ชัยชนะ และพระสิริของพระองค์ในวันนี้ ในนามพระเยซู อาเมน

<strong>ศึกษาเพิ่มเติม: <strong> เยเรมีย์ 29:11; โรม 8: 35-37; 2 เปโตร 1:3


<a href=”http://rorthai.com/alatir/wp-content/uploads/2012/11/PastorChris02.jpg”><img src=”http://rorthai.com/alatir/wp-content/uploads/2012/11/PastorChris02.jpg” alt=”” title=”PastorChris02″ width=”92″ height=”140″ class=”alignleft size-full wp-image-548″/></a>อาทิตย์ ที่ 29 ตุลาคม 2017

<strong>การตอบสนองแห่งความเชื่อของคุณต่อพระคำ<strong>

Your Faith-response To The Word

                “เพราะว่าไม่มีสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่พระเจ้าทรงทำไม่ได้” (ลูกา 1:37)

<!–more–>

 

                <p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; พระคำของพระเจ้ามาถึงคุณด้วยฤทธิ์เดชที่จะทำให้เกิดสิ่งที่กล่าวไว้ภายในคุณ พระคำของพระองค์ไม่เคยมาแบบว่างเปล่า อย่างไรก็ดี คุณจะต้องรับพระคำนั้นในความเชื่อและตอบสนองตามนั้น นั่นคือสิ่งที่มารีย์ได้ทำเมื่อทูตสวรรค์ของพระเจ้าได้นำข้อความจากพระเจ้ามา บอกว่าเธอจะให้กำเนิดพระผู้ช่วยให้รอด คือพระเยซู เธอตอบว่า “…นี่แน่ะ ข้าพเจ้าเป็นทาสขององค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าพร้อมที่จะเป็นไปตามคำของท่าน…” (ลูกา 1:38)

 

                <p>เธอวางใจในข้อความนั้น เธอเชื่อข้อความนั้นและตอบสนองด้วยความเห็นพ้อง และพระคำนั้นก็เกิดผล นั่นคือวิธีที่คุณจะต้องตอบสนองต่อพระเจ้า พระคำกล่าวว่า “…พระองค์ได้ตรัสว่า…เพราะฉะนั้นเราอาจกล่าวด้วยความมั่นใจว่า…” (ฮีบรู 13:6) การตอบสนองแห่งความเชื่อของคุณคือสิ่งที่คุณกล่าวออกไปตามสิ่งที่

พระคำของพระเจ้าได้มาถึงคุณ พระเจ้าไม่ได้ให้พระคำของพระองค์แก่เราเพื่อที่เราจะสามารถเชื่อได้ แต่สิ่งที่สำคัญคือการที่เราจะสามารถตอบสนองต่อพระคำนั้นได้ ดังนั้นคุณสามารถตอบสนองเป็นการส่วนตัวด้วยการประกาศความเชื่อของคุณบนพื้นฐานแห่งพระคำของพระองค์ เป็นการยืนยันที่ทำให้เกิดผลลัพธ์

 

                <p>ยกตัวอย่างเช่น พระคำกล่าวว่า “…พระคริสต์สถิตในพวกท่าน อันเป็นความหวังที่จะได้รับศักดิ์ศรี” (โคโลสี 1:27) ดังนั้นการตอบสนองแห่งความเชื่อของคุณจึงควรจะเป็นว่า “พระคริสต์สถิตภายในข้าพเจ้า ดังนั้นในการรับใช้ของข้าพเจ้า ในสุขภาพของข้าพเจ้า ในการเงินของข้าพเจ้า ในครอบครัวของข้าพเจ้า การงาน ธุรกิจ การเรียน และทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับข้าพเจ้า พระสิริของพระเจ้าจะได้รับการสำแดงออก! ข้าพเจ้าเดินในความยอดเยี่ยมและในพระสิริของพระคริสต์ ไม่มีข้อตำหนิในชีวิตของข้าพเจ้า!

 

                <p>สดุดี 23:4 กล่าวว่า “แม้ข้าพระองค์จะเดินฝ่าหุบเขาเงามัจจุราช ข้าพระองค์ไม่กลัวอันตรายใดๆ เพราะพระองค์สถิตกับข้าพระองค์…” การตอบสนองแห่งความเชื่อของคุณควรจะเป็นว่า “ไม่ว่ามารร้ายหรือศัตรูจะเป็นอะไร ข้าพเจ้ามีชัยชนะเหนือสิ่งเหล่านั้น เพราะว่าผู้ที่สถิตภายในข้าพเจ้ายิ่งใหญ่กว่าผู้ที่อยู่ในโลกนี้” ฮาเลลูยา! ทำให้พระคำเกิดผลในชีวิตของคุณด้วยการตอบสนองแห่งความเชื่อของคุณ

<strong>คำอธิษฐาน<strong>

                <p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; ข้าแต่พระบิดา ข้าพระองค์ขอบพระคุณพระองค์ที่ทรงสนองพระคำของพระองค์ และฤทธิ์เดชในพระคำนั้น ขอบพระคุณพระองค์สำหรับพระวิญญาณบริสุทธิ์ ที่สอนให้ข้าพระองค์ตอบสนองอย่างถูกต้องต่อพระคำ ข้าพระองค์เดินในความชอบธรรม สุขภาพ ความมั่งมี ชัยชนะ และพระสิริของพระองค์ในวันนี้ ในนามพระเยซู อาเมน

<strong>ศึกษาเพิ่มเติม: <strong> เยเรมีย์ 29:11; โรม 8: 35-37; 2 เปโตร 1:3