อย่า​จด​จำ​สิ่ง​ที่​ล่วง​เลย​มา​แล้ว​นั้น อย่า​พิ​เคราะห์​เรื่อง​ใน​อดีต นี่แน่ะ เรา​กำ​ลัง​ทำ​สิ่ง​ใหม่ๆ(อิสยาห์ 43:18-19)

หลายคนบ่นและคร่ำครวญเกี่ยวกับอดีตของพวกเขา แบกความผิดพลาดของเมื่อวานนี้ แทนที่จะมองไปที่อนาคตด้วยความหวังและโอกาสที่นำเสนอความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่กว่า สิ่งที่ถูกพูด ทำ หรือเขียนต่อต้านคุณเมื่อวานนี้นั้นไม่สำคัญอะไรเลย จงมองดูอนาคตข้างหน้าที่สดใสและเปี่ยมไปด้วยพระสิริของคุณ จงโฟกัสไปที่ปัจจุบันและอนาคต

ผู้ที่ดำเนินชีวิตอยู่ในเมื่อวานนี้มักจะผิดหวังและไม่สามารถมีประสบการณ์กับความชื่นชมยินดีที่แท้จริงได้ ในความสัมพันธ์ของคุณ จงปฏิเสธที่จะโฟกัสไปที่ข้อผิดพลาดและความไม่พอใจของเมื่อวานนี้ ไม่มีความงดงามหรือพระสิริในเมื่อวานนี้ ดังนั้นจงปฏิเสธที่จะดำเนินชีวิตของคุณบนพื้นฐานของประสบการณ์ของเมื่อวานนี้

บางคนอาจพูดว่า “ตอนนี้ฉันมีงานใหม่แล้ว ฉันไม่ต้องการให้สิ่งที่เกิดขึ้นกับฉันในอดีตเกิดขึ้นอีกครั้ง ฉันจะต้องระมัดระวังอย่างมาก” หลังจากนั้นเนื่องจากผลของการระวังตัวมากเกินไปเพื่อที่จะหลีกเลี่ยงประสบการณ์เชิงลบใดๆ ที่พวกเขาอาจมีในอดีต ผลผลิตของพวกเขาจึงขาดศักยภาพที่แท้จริง สิ่งที่ดีที่สุดของพวกเขาไม่ถูกพบเห็นและไม่ถูกได้ยินเนื่องจากพวกเขาอนุญาตให้ประสบการณ์ในอดีตนำทางชีวิตของพวกเขา

จงให้พระคำของพระเจ้านำทางคุณ ไม่ใช่ประสบการณ์ในอดีตของคุณ จงรับแรงบันดาลใจจากความชื่นชมยินดีและแรงบันดาลใจของวันพรุ่งนี้ที่ดีกว่าและมีพระสิริที่มากกว่า ข้อพระคัมภีร์หลักของเราบอกว่า “อย่าจดจำสิ่งที่ล่วงเลยมาแล้วนั้น อย่าพิเคราะห์เรื่องในอดีต” อะไรคือประสบการณ์ที่แย่มากที่ไม่ยอมออกไปจากความคิดของคุณ? จงปลดปล่อยมันออกไป!

ความสำเร็จและความล้มเหลวของเมื่อวานนี้ไม่ควรทำให้คุณเป็นเชลยของอดีตของคุณ แต่จงติดอาวุธด้วยพระคำและด้วยความเชื่อในหัวใจของคุณ จงถึงเข้าใจถึงอนาคตที่เปี่ยมไปด้วยพระสิริที่องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงกำหนดไว้สำหรับคุณ และพระองค์จะทำสิ่งใหม่และสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าผ่านทางคุณ

คำอธิษฐาน

พระบิดาที่รัก ขอบพระคุณสำหรับการเปลี่ยนแปลงความคิดของข้าพระองค์ผ่านทางพระคำของพระองค์และทำให้จิตวิญญาณของข้าพระองค์กระจ่างที่จะเห็นและเดินไปในอนาคตที่เปี่ยมด้วยพระสิริของข้าพระองค์ ข้าพระองค์ปฏิเสธที่จะถูกยึดไว้โดยประสบการณ์ของเมื่อวานนี้ เพราะว่าเส้นทางของข้าพระองค์เป็นเหมือนอรุณที่ส่องสว่างมากขึ้นและมากขึ้นเพื่อพระสิริของพระองค์ ในพระนามพระเยซู อาเมน

ศึกษาเพิ่มเติม:อิสยาห์ 43:18-19; ฟีลิปปี 3:13-14


คำสั่งที่เรียบง่ายของพระวิญญาณ
Simple Instructions Of The Spirit

แต่​พระ​เจ้า​ได้​ทรง​เลือกสิ่ง​ที่​โลก​ถือ​ว่า​โง่เขลา เพื่อ​ทำ​ให้​พวก​มี​ปัญ​ญา​อับ​อายและ​ได้​ทรง​เลือก​สิ่ง​ที่​โลก​ถือ​ว่า​อ่อน​แอ เพื่อ​ทำ​ให้​พวก​ที่​แข็ง​แรง​อับ​อาย (1 โครินธ์ 1:27 ฉบับ CEV)

พระคำของพระเจ้านั้นเรียบง่าย คำสั่งของพระองค์อาจฟังดูหรือดูเหมือนไม่สำคัญ แต่เมื่อทำตามจะผลิตสิ่งที่เหนือธรรมชาติเสมอ ลองจินตนาการว่าขณะที่อยู่ในการนมัสการที่คริสตจักร ศิษยาภิบาลพูดว่า “จงบอกคน 3 คนว่า ‘ฉันได้รับพระพรและมีชัยชนะ’ ” คุณอาจพูดกับตัวเองว่า “ฉันไม่ต้องทำอย่างนั้นก็ได้” ทำไม? มันฟังดูเรียบง่ายเกินกว่าที่จะมีความหมายอะไร แต่นั่นเป็นสิ่งที่หลายคนพลาดไป ข้อพระคัมภีร์หลักของเรากล่าวว่าพระเจ้าทำให้คนทำให้คนที่มีกำลังงงงันด้วยสิ่งที่เรียบง่ายและเล็กน้อย

ลองคิดเกี่ยวกับสิ่งนี้ เมื่อพระเจ้าทรงปลดปล่อยคนอิสราเอลจากมือของผู้กดขี่ ซึ่งคือชาวอียิปต์ พระองค์ไม่ได้นำพวกเขาไปในถนนที่สมเหตุสมผลมากที่สุด พระคัมภีร์กล่าวว่า “พระองค์​ทรง​นำ​พวกเขาอ้อม​ไป​ทาง​ถิ่น​ทุร​กัน​ดาร​ยัง​ทะเล​แดงแทน…” (อพยพ 13:18 ฉบับ GNB) หลังจากนั้นขณะที่ติดอยู่ตรงกลางระหว่างทะเลแดงและกองทัพที่บุกเข้ามา โมเสสเริ่ม “อธิษฐาน” ต่อพระเจ้าสำหรับการแทรกแซง แต่พระเจ้าทรงขัดจังหวะเขาและพูดว่า “จง​ยก​ไม้​เท้า​ของ​เจ้าขึ้น และยื่น​มือ​ออก​ไป​เหนือ​ทะเล​และ​​แยกมัน​ออก…” (อพยพ 14:16 ฉบับ AMPC)

จงพิจารณาคำสั่งง่ายๆ ที่โมเสสได้รับสำหรับปัญหาที่ใหญ่ขนาดนี้! มันไม่ได้ “สมเหตุสมผล” การยื่นไม้เท้าของคุณออกไปเหนือทะเลนั้นจะทำให้เกิดความแตกต่างอะไรในช่วงเวลาที่สำคัญเช่นนี้ได้? แต่มันก็เกิดขึ้น! โมเสสเชื่อฟังคำสั่งนั้น ทะเลได้แยกออก และชนชาติอิสราเอลเดินผ่านไปบนพื้นดินแห้ง ฮาเลลูยา! พระเจ้ายังคงเป็นเช่นนั้นในปัจจุบันนี้ พระองค์ประทานคำสั่งที่เรียบง่าย

จงดูตัวอย่างขององค์เจ้านาย พระองค์​ตรัส​กับ​คน​มือ​ลีบ​นั้น​ว่า “จง​เหยียด​มือ​ออก​เถิด…” (มัทธิว 12:13) ชายคนนั้นที่มีมือที่ลีบจะยื่นมือออกไปได้อย่างไร? เขาอาจจะบ่นว่า “ท่านไม่เห็นเหรอว่ามันลีบ?” แต่เขาไม่ได้ทำ แต่เขาทำตามคำสั่งที่เรียบง่าย และพระคัมภีร์บอกว่ามือนั้น “​ก็​หาย​เป็น​ปกติ​เหมือน​มือ​อีก​ข้าง​หนึ่ง”

ไม่ว่าคำสั่งจากองค์พระผู้เป็นเจ้าจะฟังดูเรียบง่ายเพียงไร นั่นก็เพื่อผลประโยชน์ของคุณเองยกตัวอย่างเช่น เมื่อคุณอยู่ในคริสตจักร การตระหนักถึงการทรงสถิตของพระวิญญาณบริสุทธิ์นั้นสำคัญมาก เมื่อได้รับคำสั่ง จงปฏิบัติตาม พระเจ้ามักแสวงหาโอกาสที่จะอวยพรและพัฒนาชีวิตของเราจากพระสิริสู่พระสิริ และพระพรมากมายเช่นนั้นบรรจุอยู่ในคำสั่งที่เรียบง่ายของพระวิญญาณ

คำอธิษฐาน

พระบิดาที่รัก ขอบพระคุณสำหรับคำแนะนำที่ข้าพระองค์ได้รับจากพระคำของพระองค์ หัวใจของข้าพระองค์สนใจต่อคำสั่งจากพระคำของพระองค์และพระวิญญาณบริสุทธิ์ การนำทางของพระองค์ทำให้ข้าพระองค์อยู่เหนือสถานการณ์และความท้าทายของชีวิตเพื่อนำทางข้าพระองค์ไปสู่เส้นทางแห่งความสำเร็จ ชัยชนะ ความเป็นเลิศ และพระสิริ ในพระนามพระเยซู อาเมน

ศึกษาเพิ่มเติม:สุภาษิต 4:13; สุภาษิต 8:10; 2 ทิโมธี 3:16-17



ล้ว​ท่าน​จึง​ตอบ​ข้าพ​เจ้า​ว่า ‘นี่​เป็น​พระ​วจนะ​ของ​พระ​ยาห์​เวห์​ที่​ให้​ไว้​กับ​เศ​รุบ​บา​เบล​ว่า ไม่​ใช่​ด้วย​กำ​ลัง ไม่​ใช่​ด้วย​ฤท​ธา​นุ​ภาพ แต่​ด้วย​วิญ​ญาณ​ของ​เรา พระ​ยาห์​เวห์​จอม​ทัพ​ตรัส​ดัง​นี้​แหละ (เศคาริยาห์ 4:6)

ชายคนหนึ่งมีร้านค้าในพื้นที่ชนบท ณ จุดหนึ่งเขาต้องการที่จะย้ายเข้าไปในเมืองเหมือนที่เพื่อนของเขาทำ แต่วันหนึ่งขณะที่เขากำลังอธิษฐาน เขาได้ยินองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับเขาว่า “จงอยู่ที่นี่” ดังนั้นเขาจึงอยู่ต่อ 2 ปีต่อมารัฐบาลได้ลงนามในสัญญาเพื่อขยายถนนในพื้นที่นั้น

ถนนถูกสร้างและขยาย และมีการตั้งถิ่นฐานใหม่จากชาวต่างชาติในพื้นที่นั้น ร้านของเขากลายเป็นร้านหัวมุมทำเลสำหรับทุกคนในพื้นที่ใกล้เคียง ทันใดนั้นธุรกิจของเขาก็ดังขึ้นเป็นร้านค้าเพียงแห่งเดียวในพื้นที่นั้น ในไม่ช้าสิ่งที่เคยอยู่ในถนนที่ฉีกขาดและทางเท้ากลายเป็นห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ที่ทุกคนมาทำธุรกิจ เพื่อนของเขาส่วนใหญ่ที่ย้ายไปอยู่ที่เมืองเริ่มกลับมา แต่เขามีส่วนแบ่งการตลาดที่สำคัญอยู่แล้ว ไม่กี่ปีต่อมาเขาได้ขยายกิจการไปยังร้านค้าหลักๆ

ไม่สำคัญว่าคุณจะอยู่ที่ไหน พระเจ้าทรงทราบว่าคุณอยู่ที่นั่นและจะนำพระคุณของพระองค์มาหาคุณตราบใดที่คุณคงอยู่ในพระคำของพระองค์ ข้อพระคัมภีร์หลักของเราบอกว่า “ไม่ใช่ด้วยกำลัง ไม่ใช่ด้วยฤทธานุภาพ แต่ด้วยวิญญาณของเรา พระยาห์เวห์จอมทัพตรัสดังนี้แหละ” สถานที่ที่พระองค์บอกให้คุณอยู่คือสถานที่ที่คุณควรอยู่ พระองค์บอกให้อิสอัคอยู่ในเมืองเก-ราร์แม้ว่าคนอื่นจะย้ายเนื่องจากการกันดารอาหาร พระคัมภีร์กล่าวว่า “อิสอัค​จึง​อาศัย​อยู่​ใน​เกราร์ (ปฐมกาล 26:6) เขาอยู่ในสถานที่ของพระเจ้า ในเวลาของพระเจ้า เพื่อจุดประสงค์ของพระเจ้า ในทางของพระเจ้า

อ่านผลลัพธ์เนื่องจากการเชื่อฟังของอิสอัคในข้อที่ 12 อิสอัค​หว่าน​พืช​ใน​ดิน​แดน​นั้น ใน​ปี​เดียว​กัน​ก็​เก็บ​ผล​ได้​หนึ่ง​ร้อย​เท่า พระ​ยาห์​เวห์​ทรง​อวย​พร​ท่าน” ชายนั้นได้ยินจากพระเจ้า และนั่นเปลี่ยนวิถีชีวิตของเขา นั่นเรียกว่าพระพรของพระเจ้า! อย่าเปลี่ยนงานหรือเปลี่ยนธุรกิจเพียงเพราะคุณคิดว่าทุ่งนาหรือทุ่งหญ้าอีกด้านหนึ่งนั้นเขียวกว่า จงฟังพระเจ้า จงถูกชี้นำโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ นั่นคือหนทางแห่งความสำเร็จและความก้าวหน้าจากพระสิริสู่พระสิริที่แท้จริง

คำอธิษฐาน

พระบิดา ผู้ชอบธรรม ขอบพระคุณสำหรับการนำทางของพระคำและการนำของพระวิญญาณของพระองค์ในชีวิตของข้าพระองค์ พระองค์นำทางข้าพระองค์อย่างต่อเนื่องทำให้จิตใจที่แห้งแล้งของข้าพระองค์อิ่มเอมใจและทำให้กระดูกของข้าพระองค์มีไขมัน ข้าพระองค์เดินตามคำแนะนำและหลักการของพระองค์ บรรลุวัตถุประสงค์และสำแดงความยิ่งใหญ่ ความเจริญรุ่งเรือง ความสำเร็จ และชัยชนะ ในพระนามพระเยซู อาเมน

ศึกษาเพิ่มเติม:สดุดี 32:8;สุภาษิต 3:5-6;อิสยาห์ 30:21



เรา​จะ​ไม่​สน​ทนา​กับ​พวก​ท่าน​นาน​อย่าง​นี้​อีก เพราะ​ว่า​ผู้​ครอง​โลก​กำ​ลัง​จะ​มา ผู้นั้นไม่มีสิ่งใดอยู่ในเรา (ยอห์น 14:30)

ถ้าพวกวิญญาณชั่วมีโอกาสหรือป้อมปราการแล้วก็อาจก่อกวน มีอิทธิพล และแม้แต่ทรมานคริสเตียน อัครทูตเปาโลสอนเราว่า “อย่า​ให้​ [แบบนั้น] พื้นที่หรือป้อมปราการแก่​มาร [อย่าให้โอกาสแก่มัน]” (เอเฟซัส 4:27 ฉบับ AMPC)

ยกตัวอย่างของคริสเตียนบางคนที่ประสบกับสิ่งที่ดูเหมือนฝันร้าย แต่จริงๆแล้วมีประสบการณ์ที่เป็นจริงมากกว่าแค่ความฝัน ในบางกรณีอาจมีประสบการณ์กับบุคคลที่โหดร้าย บุคคลนั้นอาจกำลังอธิษฐานเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้ แต่สถานการณ์นั้นก็ยังคงเกิดขึ้น

หลายครั้งนั่นเป็นเพราะว่าซาตานพยายามรักษาการเชื่อมโยงระหว่างมันกับบุคคลเช่นนั้นโดยการหว่านบางสิ่งไว้ในหัวใจของพวกเขา เช่น ความคิด ความคิดที่ไม่สะอาดตราบใดที่ผู้คนเหล่านี้ยังคงให้ที่พักและบ่มเพาะความคิดเหล่านั้นที่มาจากซาตาน ก็จะมีการเชื่อมโยงเกิดขึ้น ดังนั้นถึงแม้ว่าเมื่อพวกเขาทำให้มันกลัวด้วยพระนามของพระเยซู ตราบใดที่ความคิดของมันยังคงอยู่ในหัวใจของพวกเขา มันก็ยังคงรักษาการเชื่อมโยงของมันและกลับมาเรื่อยๆ

บางทีอาจเป็นความกลัว มันปลูกความกลัว และด้วยการเชื่อมโยงนั้นมันก็กลับมาเรื่อยๆ เมื่อคุณอธิษฐานและขนาบมัน เนื่องจากสิ่งที่มันเก็บไว้ในตัวคุณ ซึ่งคุณช่วยมันเก็บรักษาไว้โดยที่ไม่รู้ตัวมันจึงกลับมาเรื่อยๆ นี่คือเหตุผลว่าทำไมคุณต้องไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับซาตานในตัวคุณเหมือนพระเยซู พระองค์ (พระเยซู) ได้กล่าวไว้ในข้อพระคัมภีร์หลักของเราว่า “…เพราะว่าผู้ครองโลกกำลังจะมา ผู้นั้นไม่มีสิ่งใดอยู่ในเรา”

จงทำให้หัวใจของคุณเป็นอิสระจากสิ่งที่เป็นของมารเสมอ จงปฏิเสธที่จะให้ที่พักแก่ความกลัว ความโกรธ ความขุ่นเคือง ความขมขื่น และการไม่ให้อภัย ให้ความรักครอบครองในหัวใจของคุณ อย่าปล่อยให้ความกลัวยึดคุณไว้โดยไม่ขึ้นอยู่กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรอบตัวคุณ พระเยซูตรัสว่า “เรา​เห็น​ซา​ตาน​ตก​จาก​ฟ้า​เหมือน​ฟ้า​แลบ” (ลูกา 10:18) อย่ากลัวมันเลย เพราะว่าเป็นศัตรูที่พ่ายแพ้ไปแล้ว และไม่มีสิทธิอำนาจใดๆ เหนือคุณ

ถ้อยคำแห่งความเชื่อ

ฉันเป็นความชอบธรรมของพระเจ้าในพระเยซูคริสต์ และฉันมีความสว่างของชีวิต ไม่มีความมืดในตัวฉันเลย โดยพระโลหิตของพระเยซูคริสตเจ้าซึ่งฉันได้รับการชำระให้สะอาดและบริสุทธิ์อยู่เสมอ ซาตานไม่มีที่อยู่ในตัวฉัน มันไม่มีสิ่งใดในชีวิตของฉัน และฉันปกครองเหนือมัน ในพระนามของพระเยซูเจ้า! อาเมน

ศึกษาเพิ่มเติม:เอเฟซัส 4:27; กาลาเทีย 5:16; ยากอบ 4:7; 1 ยอห์น 4:4


ลูก​ของ​ข้าพ​เจ้า​เอ๋ย ข้าพ​เจ้า​เขียน​ข้อ​ความ​เหล่า​นี้​ถึง​ท่าน​ทั้ง​หลาย​เพื่อ​ท่าน​จะ​ได้​ไม่​ทำ​บาป และ​ถ้า​ใคร​ทำ​บาป เรา​ก็​มี​ผู้​ช่วย​ทูล​ขอ​พระ​บิดา​เพื่อ​เรา คือ​พระ​เยซู​คริสต์​ผู้​ทรง​เที่ยง​ธรรม​นั้น (1 ยอห์น 2:1)

1 ยอห์น 3:9 กล่าวว่า ​ผู้ที่​เกิด​จาก​พระเจ้า​ไม่​ทำ​บาป...” บางคนเข้าใจสิ่งนี้ผิดและวิ่งออกไปด้วยความคิดที่ผิดว่าไม่ว่าพวกเขาจะทำอะไรก็ล้วนแต่ถูกต้อง เพราะในฐานะคริสเตียนพวกเขาไม่สามารถทำบาปได้ ใช่ ความบาปไม่ได้มีอำนาจบังคับคริสเตียน แต่เราไม่ได้ตัดสินความชอบธรรมจากสิ่งที่คริสเตียนทำ เราตัดสินความชอบธรรมด้วยแสงสว่างของพระคริสต์และพระคำของพระองค์

พระคัมภีร์พูดถึงการเดินในความสว่างเหมือน​อย่าง​ที่​พระ​องค์​สถิต​ใน​ความ​สว่าง (1 ยอห์น 1:7) การกระทำของคุณสอดคล้องกับความชอบธรรมของพระเจ้าอย่างไร? นั่นคือวิธีที่คุณแยกสิ่งที่ถูกออกจากสิ่งที่ผิด ถ้าคุณป่าวประกาศว่าไม่ว่าคุณจะทำอะไรก็ล้วนแต่ถูกต้อง นั่นทำให้คุณเป็นมาตรฐานของความถูกต้องและความชอบธรรม แต่คุณไม่ใช่มาตรฐานของความชอบธรรม

ยกตัวอย่างเช่น เราอ่านใน 1 โครินธ์ 2:16 ว่า “…​เรา​ก็​มี​พระ​ทัย​ของ​พระ​คริสต์” นี่ไม่ได้หมายความว่าความคิดทุกอย่างในหัวใจของคุณนั้นถูกต้อง ใช่ เรามีความชอบธรรมของพระเจ้า แต่พระองค์บอกเราใน โรม 12:2 ว่า “อย่า​ลอก​เลียน​แบบ​อย่าง​คน​ใน​ยุค​นี้ แต่​จง​รับ​การ​เปลี่ยน​แปลง​จิต​ใจ” แม้ว่าคุณจะบังเกิดใหม่แล้ว แต่จิตใจของคุณก็ยังต้องได้รับการเปลี่ยนแปลง

ให้เรามาดูข้อพระคัมภีร์หลักของเราอีกครั้ง ซึ่งกล่าวว่า “ลูกของข้าพเจ้าเอ๋ย ข้าพเจ้าเขียนข้อความเหล่านี้ถึงท่านทั้งหลายเพื่อท่านจะได้ไม่ทำบาป” ถ้าเป็นไปไม่ได้ที่คุณจะทำบาป เขาก็คงไม่พูดว่า “ข้าพเจ้าเขียนข้อความเหล่านี้ถึงท่านทั้งหลายเพื่อท่านจะได้ไม่ทำบาป” แต่ในเวลาเดียวกันเขาก็บอกให้คุณรู้ว่าบาปไม่ได้มีอำนาจบังคับ นั่นคือคุณไม่ต้องทำบาป นั่นคือเหตุผลของประโยคถัดไปที่กล่าวว่า “​ถ้า​ใคร​ทำ​บาป” แทนที่จะพูดว่า “เมื่อบางคนทำบาป” เขากล่าวอย่างสมดุล

อย่าไปจากความสุดโต่งของ “เราต้องทำบาปเตราบใดที่เรายังอยู่ในเนื้อหนังนี้” ไปสู่ความสุดโต่งของ “สิ่งที่ฉันทำล้วนแต่ถูกต้อง” ไม่! การกระทำ ความคิด พฤติกรรม การตอบสนองและปฏิกิริยาของคุณจะต้องสอดคล้องกับพระคำของพระเจ้า กับความชอบธรรมของพระคริสต์ เพราะว่าพระองค์ทรงเป็นมาตรฐานของความชอบธรรม ฮาเลลูยา!

คำอธิษฐาน

พระบิดาที่รัก ขอบพระคุณสำหรับพระคุณของพระองค์และฤทธิ์อำนาจแห่งความชอบธรรมของพระองค์ที่กำลังทำงานอยู่ของข้าพระองค์! ข้าพระองค์ดำเนินชีวิตอยู่อย่างเป็นอิสระจากความบาปและจิตสำนึกว่าตนบาปด้วยการผลิตผลแห่งความชอบธรรมและการงานที่ดี ด้วยการสำแดงความรักของพระคริสต์ในทุกวันนี้และตลอดไป ในพระนามพระเยซู อาเมน

ศึกษาเพิ่มเติม:โรม 6:1-2; 1 ยอห์น 2:29; อิสยาห์ 64:6