วันอังคารที่ 21 เมษายน 2020

เมื่อความเชื่อล้มละลาย
When Faith Is Broke

“…แต่เมื่อบุตรมนุษย์มา ท่านจะพบความเชื่อในแผ่นดินโลกหรือ? (ลูกา 18:8)

ทุกวันนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ได้ยินว่าคริสเตียนพูดถึงแพทย์ของพวกเขาราวกับว่าเขาเป็นพระวิญญาณบริสุทธิ์ คุณจะได้ยินพวกเขาพูดประโยคทำนองนี้ว่า “ฉันปวดท้อง ดังนั้นฉันจึงไปหาหมอ และเขาบอกฉันว่าต้องทำอะไร” พวกเขารับคำแนะนำของแพทย์ราวกับว่าคำแนะนำนั้นมาจากพระวิญญาณบริสุทธิ์

ลองนึกถึงภาพของคริสเตียนที่รู้สึกปวดหัวมา 2 สัปดาห์แล้ว คุณคิดว่าสิ่งต่อไปที่เขาพูดคือวิธีที่เขายืนหยัดต่อต้านมันในพระนามของพระเยซู และมันก็หายไป แต่คำพยานของเขาคือเขาโทรหาหมอของเขาซึ่งให้ยาที่ดีมากแก่เขาซึ่งจัดการกับโรคนั้น

คำถามที่ต้องถามคนเช่นนี้คือ “ความเชื่อของคุณอยู่ที่ไหน? พระคำของพระเจ้าอยู่ที่ไหนในชีวิตของพวกเขา? พวกเขากำลังทำสิ่งต่างๆ เนื่องจากแพทย์พูดกับพวกเขา ไม่ใช่พระคำหรือพระวิญญาณ ช่างน่าเศร้าจริงๆ! คริสเตียนที่พบว่าตัวเองในสถานการณ์นี้มีปัญหาหลักก็คือความเชื่อของพวกเขาพังทลายหรือล้มละลาย

ข้อความแห่งความเชื่อสอนว่าเมื่อคุณรู้สึกว่ามีอาการในร่างกายของคุณ คุณขนาบมันในพระนามของพระเยซู คุณสั่งให้ซาตานออกไป! หลายคนกลายเป็นทาสของความรู้สึกของพวกเขาจนอาการปวดหัวหรือเจ็บปวดเพียงเล็กน้อยทำให้พวกเขาไปที่ร้านขายยา แล้วชีวิตของพระเจ้าในตัวคุณล่ะ? คุณเกิดมาจากพระเจ้า และชีวิตของพระองค์ในตัวคุณป้องกันความเจ็บป่วยได้ ไม่มีใครสามารถเอาชนะได้อย่างแน่นอน ฮาเลลูยา!

คุณอาจถามว่า“ศิษยาภิบาลคริส คุณกำลังบอกว่าเราไม่ควรไปหาหมอหรือ?” ไม่ ฉันไม่ได้กำลังพูดอย่างนั้น! แต่ความจริงก็คือคุณไปพบแพทย์ก็ต่อเมื่อความเชื่อของคุณบกพร่องเท่านั้น คุณอาจพูดว่า “แต่ฉันกล่าวสารภาพ อธิษฐาน และลองทุกอย่างแล้ว แต่ไม่มีอะไรได้ผล และฉันก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำอะไรอีก ดังนั้นฉันจึงต้องไปหาหมอ” นั่นคือสิ่งที่จะเกิดขึ้นเมื่อความเชื่อล้มละลาย

คุณรู้ได้อย่างไรว่าสิ่งต่างๆได้ผล? สิ่งเหล่านั้นไม่ได้ผลเฉพาะเมื่อคุณคิดและพูดว่าสิ่งเหล่านั้นไม่ได้ผล ความเชื่อได้ผลเสมอ จงใช้สิ่งนี้เพื่อวางกรอบโลกของคุณและสร้างความเป็นจริงที่เปี่ยมด้วยพระสิริที่คุณต้องการประสบในชีวิต

ถ้อยคำแห่งความเชื่อ

ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นเช่นไร ความเชื่อของฉันซึ่งถูกขับเคลื่อนโดยพระคำนั้นก็ได้ผลเสมอ! ฉันฉวยโอกาสจากฤทธิ์อำนาจพิเศษของพระเจ้าในการเอาชนะความทุกข์ยากของชีวิตโดยการสำแดงความเชื่อของฉันซึ่งเป็นชัยชนะที่ชนะโลก ระบบ เศรษฐกิจ และเศรษฐศาสตร์ของมัน ฉันเชื่อมั่นอย่างเต็มที่ในชัยชนะนิรันดร์ของฉันเหนือความเจ็บป่วย ความยากจน ซาตาน และโลกนี้ ดังนั้นฉันจึงชื่นชมยินดี ในพระนามพระเยซู อาเมน

ศึกษาเพิ่มเติม:สุภาษิต 24:10; 1 ยอห์น 5:4-5; มาระโก 11:22-24


วันจันทร์ที่ 20 เมษายน 2020

สร้างแนวคิดและลงมือทำ
Conceptualize And Act

เพราะว่าพระเจ้าเป็นผู้ทรงกระทำกิจอยู่ภายในท่าน ให้ท่านมีใจปรารถนา ทั้งให้ประพฤติตามชอบพระทัยของพระองค์ (ฟิลิปปี 2:13) 

คนจำนวนมากมีความคิดที่ดี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน การเงิน ธุรกิจ พันธกิจ หรืออาชีพ แต่น่าเศร้าที่มีคนจำนวนไม่มากที่สามารถทำให้ความคิดเหล่านั้นสำเร็จหรือทำให้ความคิดเหล่านั้นบรรลุผลได้ ใช่ พวกเขามีความคิดที่เป็นแรงบันดาลอย่างมากซึ่งพวกเขาจะทำหรือสามารถทำได้ แต่พวกเขาก็ผัดวันประกันพรุ่ง หลังจากนั้นไม่นานความคิดที่ท้อใจและสิ่งที่ดูเหมือนกับว่าเป็น “สิ่งที่มีเหตุผล” ที่จะไม่ทำสิ่งเหล่านั้นก็เกิดขึ้นจนกระทั่งแรงบันดาลใจถดถอยและความฝันนั้นก็ตายไป

ความสำเร็จมาจาก “การทำ” นั่นคือ การปฏิบัติ ไม่ใช่จากการมองเห็นเท่านั้น นั่นเป็นเหตุผลที่มีผู้คนจำนวนมากที่มีแนวคิดที่ยอดเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องธุรกิจ การเมือง หรือพันธกิจ ซึ่งมีความคิดมากมายเหมือนกองถั่ว ซึ่งไม่เคยได้ลงมือทำ ในความเป็นจริงแล้วถ้าคุณฟังพวกเขาพูด คุณจะต้องตกตะลึงกับความคิดอันสูงส่งของพวกเขา แต่พวกเขาขาดแรงกระตุ้นและแรงจูงใจในการลงมือทำ ถ้าสิ่งที่กำลังพูดถึงนี้บรรยายถึงคุณ การแก้ปัญหานั้นง่ายคุณจำเป็นต้องใคร่ครวญพระคำ พระคำของพระเจ้าเป็นพลังขับเคลื่อน นั่นเป็นเหตุผลที่นอกเหนือจาก “โซเฟีย” (sophia) และ “ซูเนซิส” (sunesis) ซึ่งเป็นสติปัญญาที่แตกต่างกัน 2 ประเภท (โปรดระลึกว่าพระคำของพระเจ้าเป็นสติปัญญาของพระเจ้า) คุณต้องเดินใน “โฟรเนซิส” (phronesis) (สิ่งเหล่านี้เป็นสติปัญญา 3 ประเภทในพันธสัญญาใหม่ฉบับภาษากรีก)

“โซเฟีย” เป็นสติปัญญาทางทฤษฎีหรือความเข้าใจอย่างถ่องแท้ในความเป็นจริง มันหมายถึงความเข้าใจโดยรวมของทุกสิ่ง “ซูเนซิส” เป็นสติปัญญาในการวิพากษ์วิจารณ์ นั่นคือความรู้ทางความคิดหรือการวิเคราะห์ ความสามารถในการเข้าใจแนวความคิดและเห็นความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งเหล่านั้น แต่คำว่า “โฟรเนซิส” เป็นสติปัญญาในทางปฏิบัติ มันเป็นพลังซึ่งทำให้คุณทำและพูดสิ่งที่ถูกต้องก่อนที่คุณจะคิดเสียอีก

ดังนั้นถ้าคุณอยู่ในสถานการณ์นี้ คือ “สร้างแนวคิด” และไม่ “ลงมือทำ” จงเริ่มวันใหม่ด้วยการใคร่ครวญพระคำ เริ่มต้นด้วย ฟิลิปปี 2:13 พูดออกมาดังๆ หลายๆครั้งทุกวันว่า “เพราะ​ว่า​พระ​เจ้า​เป็น​ผู้​ทรง​กระทำ​กิจ​อยู่​ภาย​ใน​ฉัน ให้​ฉัน​มี​ใจ​ปรารถนา ทั้ง​ให้​ประพฤติ​ตาม​ชอบ​พระ​ทัย​ของ​พระ​องค์  พระองค์ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพในฉัน เสริมกำลัง ให้พลังแก่ฉัน ไม่ใช่แค่คิดหรือรู้ว่าควรทำอะไร แต่ทำสิ่งเหล่านั้นจริงๆ” จงฝึกฝนสิ่งเหล่านี้นานเพียงพอ แล้วคุณจะไม่มีความฝันหรือเป้าหมายที่ไม่บรรลุผลซึ่งไม่ได้ถูกลงมือทำ

คนที่ “ลงมือทำ” เป็นคนที่ประสบความสำเร็จ เพราะว่าหลายคนเห็น แต่พวกเขาไม่ได้ลงมือทำ! แต่เมื่อคุณเห็นและลงมือทำ นั่นแยกคุณออกมาเพื่อความยิ่งใหญ่ ดังนั้นโดยพระวิญญาณจงออกไปไล่ตามความฝันของคุณและทำให้เป้าหมายของคุณสำเร็จในปีนี้

คำอธิษฐาน

พระบิดาที่รัก ขอบพระคุณที่ประทานความคิดที่เหนือธรรมชาติให้แก่ข้าพระองค์ และวิธีแก้ไขที่เป็นนวัตกรรมใหม่สำหรับชีวิต การงาน และพันธกิจของข้าพระองค์ ข้าพระองค์ยอมจำนนต่อพระคำของคุณ ดังนั้นจึงใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่จากฤทธิ์อำนาจและพลังที่มีอยู่ภายในซึ่งทำงานอย่างเต็มไปด้วยฤทธิ์อำนาจในตัวข้าพระองค์เพื่อทำทุกสิ่งให้สำเร็จ ในพระนามของพระเยซู อาเมน

ศึกษาเพิ่มเติม:กิจการ 1:8; โคโลสี 1:29


วันอาทิตย์ที่ 19 เมษายน 2020

จง “ตัด” เสบียงทิ้งไป
Cut Off The Supply

เหตุฉะนั้นจงประหารโลกียวิสัยในตัวท่านเสีย มีการล่วงประเวณี การโสโครก ราคะตัณหา ความปรารถนาชั่ว และความโลภ ซึ่งเป็นการนับถือรูปเคารพ (โคโลสี 3:5)

คำสั่งของพระวิญญาณผ่านทางอัครทูตเปาโลในข้อพระคัมภีร์ข้างบนนั้นค่อนข้างน่าสนใจ ประการแรก สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าคุณไม่ใช่สิ่งมีชีวิตบนโลก “สมาชิก” หรือส่วนหนึ่งของบุคลิกภาพของคุณที่อยู่ฝ่ายโลกคือร่างกายของคุณ นั่นเป็นเครื่องมือสำหรับการดำเนินการในแผ่นดินโลกนี้

แท้จริงแล้วคุณเป็นสิ่งมีชีวิตที่เป็นวิญญาณ ดังนั้นคุณสามารถควบคุมร่างกายของคุณได้ จงสังเกตคำว่า “ประหาร” ในข้อพระคัมภีร์ตอนเริ่มต้นของเรา นั่นเป็นภาษากรีกของคำว่า “เนโครโอ” (nekroō) ซึ่งเป็นที่มาของคำภาษาอังกฤษซึ่งแปลว่า “เนื้อร้าย” เนื้อร้ายคือเนื้อเยื่อของร่างกายที่ตายซึ่งเป็นผลจากการที่การไหลเวียนของเลือดที่เนื้อเยื่อนั้นถูกรบกวน ยกตัวอย่างเช่น ถ้าการส่งเลือดไปยังแขนขามีปัญหา เนื้อเยื่อนั้นจะตาย พระวิญญาณกำลังบอกอะไรแก่เราที่นี่?

หมายความว่าคุณกำลัง “ตัด” เสบียงทิ้ง นั่นคือสิ่งที่หล่อเลี้ยงความชั่วร้ายและความปรารถนาที่ไม่ดีซึ่งแฝงตัวอยู่ในอวัยวะของเรา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องทางเพศ ความไร้ศีลธรรม ความอยาก ความโลภ และความละโมบฯลฯ ! ประหารหรือทำให้พวกมันตายโดยการรบกวนเสบียงของมัน “ระงับ” และกีดกันฤทธิ์อำนาจของพวกมันในการควบคุมชีวิตของคุณ การทำสิ่งนี้เป็นความรับผิดชอบของคุณ

ถ้าคุณมีนิสัยที่ไม่เหมาะสมที่คุณต้องการหยุด หรือคำสั่งบางอย่างที่พระคัมภีร์ประณามคริสเตียนอย่างชัดเจนที่คุณต้องการกำจัดออกไปจากชีวิตของคุณอย่างสิ้นเชิง ก็จงทำสิ่งที่พระคัมภีร์กล่าวไว้ นั่นคือตัดเสบียงออกจากระบบความคิดของคุณ อย่าป้อนสิ่งเหล่านี้เข้าไปที่ความคิดของคุณ! อาจเป็นวิดีโอ หนังสือ เว็บไซต์หรือรายการทีวีบางรายการ จงปฏิเสธที่จะให้สิ่งเหล่านี้มีอิทธิพลต่อคุณต่อไป

จงหยุดป้อนอาหารแก่เนื้อหนังของคุณ และความปรารถนาที่ผิดๆจะไม่มีที่อยู่ในชีวิตของคุณ นั่นคือคุณจะพบว่าพฤติกรรมของคุณจะเปลี่ยนไป การเป็นคริสเตียนต้องได้รับการฝึกฝน พระคัมภีร์บอกเราว่าจะป้อนอะไรให้แก่ความคิดของเราใน ฟิลิปปี 4:8 ซึ่งกล่าวว่า ดูก่อน​พี่​น้อง​ทั้ง​หลาย ใน​ที่สุด​นี้​ขอ​จง​ใคร่ครวญ​ถึง​สิ่ง​ที่​จริง สิ่ง​ที่​น่า​นับ​ถือ สิ่ง​ที่​ยุติธรรม สิ่ง​ที่​บริสุทธิ์ สิ่ง​ที่​น่ารัก สิ่ง​ที่​ทรง​คุณ คือ​ถ้า​มี​สิ่ง​ใด​ที่​ล้ำ​เลิศ สิ่ง​ใด​ที่​ควร​แก่​การ​สรรเสริญ ​ก็​ขอ​จง​ใคร่ครวญ​ดู​ ดังนั้นจงตั้งใจเอาความคิดของคุณออกไปจากความคิดที่ไม่ดีและรักพระคริสต์ พระคำของพระองค์ ความรักของพระองค์ ความดีงามของพระองค์ พระเมตตาและพระคุณของพระองค์ ฮาเลลูยา!

ถ้อยคำแห่งความเชื่อ

โดยฤทธิ์อำนาจของพระวิญญาณ ฉันประหารความคิดที่ว่างเปล่า ไร้ค่า และไร้ประโยชน์ ฉันใช้ความคิดของฉันอย่างถูกต้องในการนึกถึงภาพของชีวิตที่เปี่ยมด้วยพระสิริและชัยชนะที่ฉันได้รับการทรงเรียกให้ดำเนินชีวิตอยู่ในพระคริสต์ อาเมน

ศึกษาเพิ่มเติม:ฟิลิปปี 4:8; โรม 12:2


วันเสาร์ที่ 18 เมษายน 2020                                                                                                                     

ถูกตรึงไว้กับพระคริสต์
Crucified With Christ

จงเอาใจใส่สิ่งที่อยู่เบื้องบน ไม่ใช่สิ่งซึ่งอยู่ที่แผ่นดินโลก เพราะว่าท่านได้ตายแล้ว และชีวิตของท่านซ่อนไว้กับพระคริสต์ในพระเจ้า (โคโลสี 3:2-3)

ในขณะที่กำลังเติบโตเป็นอนุชนคริสเตียน ฉันได้ศึกษาเอกสารต่างๆ จากนักวิชาการพระคัมภีร์หลายคนที่เน้นแนวความคิดเรื่อง “การตายต่อตนเอง” ว่าเป็นแก่นแท้ของชีวิตคริสเตียน พวกเขาสอนว่าการทำสิ่งใดก็ตามที่จะทำให้พระเจ้าพอพระทัยหรือเพื่อพัฒนาความชื่นชอบในเรื่องของพระเจ้า คุณต้องผ่านกระบวนการของ “การตายต่อตนเอง”

อย่างไรก็ตามในขณะที่ฉันศึกษาพระคัมภีร์ ฉันได้พบกับงานเขียนที่ได้รับการดลใจของเปาโลในโคโลสี 3 ว่าเราตายแล้วและชีวิตของเราซ่อนไว้กับพระคริสต์ในพระเจ้า นั่นเปลี่ยนทุกสิ่งสำหรับฉัน ไม่มีความจำเป็นต้อง “ตายต่อตนเอง” นั่นคือเราได้ตายไปแล้ว ดังนั้นเราไม่จำเป็นต้อง “ตาย” อีกครั้งเพื่อให้สามารถรับใช้พระเจ้าและกำหนดความคิดหรือความปรารถนาของเราในเรื่องฝ่ายวิญญาณ เราสามารถทำสิ่งนี้ได้ตามธรรมชาติในฐานะของคนที่ถูกสร้างใหม่โดยการกำหนดความปรารถนาของเรา

คุณสามารถใช้ความคิดของคุณในเรื่องของพระเจ้า บางคนพบว่าการทำกิจกรรมฝ่ายวิญญาณเป็นเรื่องที่ต้องลากจูง แต่นั่นไม่ใช่คุณ คุณรักที่จะอธิษฐาน คุณรักที่จะไปคริสตจักร ศึกษาและใคร่ครวญพระคำ เพราะว่าคุณรักพระองค์ คุณได้ตายต่อโลกนี้และโลกนี้ก็ตายต่อคุณ(กาลาเทีย 6:14) นี่คือชีวิตใหม่ในพระคริสต์ของคุณ จงดำเนินชีวิตนี้ในตอนนี้

โปรดสังเกตว่า โคโลสี 3:3 ไม่ได้บอกว่าคุณควรพยายามตายต่อโลกหรือต่อตนเอง แต่กล่าวว่า เพราะ​ว่า​ท่าน​ได้​ตาย​แล้ว…” (โคโลสี 3: 3) นี่หมายความว่าคุณเป็นคนที่ใหม่เอี่ยม เป็นสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์ใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน (2 โครินธ์ 5:17) ตายกับพระคริสต์จากพื้นฐานของโลกนี้ (โคโลสี 2:20)

คุณตายต่อความบาปและผลของมันแล้ว ดังนั้นจึงเป็นสิ่งที่ผิดที่หาวันหยุด อดอาหาร “เพื่อตายต่อเนื้อหนัง” หรือใช้เวลาหลายชั่วโมงในการอธิษฐาน หาวิธีที่คุณพยายามที่จะตายต่อตนเองเพื่อทำให้พระเจ้าพอพระทัย สิ่งที่คุณควรทำก็คือรักพระองค์ รักแผ่นดินสวรรค์ของพระองค์ รักพระองค์สุดหัวใจและให้สิ่งต่างๆ ของพระวิญญาณมีความสำคัญต่อคุณมากกว่าสิ่งใดในโลกนี้

ถ้อยคำแห่งความเชื่อ

องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระคุณและใจดี และพระองค์เป็นบุคคลที่ฉันรักมากที่สุด ด้วยสุดหัวใจและความกระตือรือร้น ฉันรับใช้องค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยวิญญาณของฉัน ด้วยการดำเนินชีวิตตามพระคำของพระองค์เหนือความบาปและผลกระทบที่ทำลายล้างของมัน ฉันเดินในพระสิริและความชอบธรรมของพระคริสต์ในชีวิตและความเป็นอมตะ ความชื่นชมยินดี สุขภาพ สันติสุข ความเจริญรุ่งเรือง และความอุดมสมบูรณ์ ในพระนามพระเยซู อาเมน

ศึกษาเพิ่มเติม:โคโลสี 3:1-4; โคโลสี 2:20


วันศุกร์ที่ 17 เมษายน 2020                                                                                                                      

จงดำเนินชีวิตอยู่เหนือความจำเป็น
Live Above Needs

และพระเจ้าของข้าพเจ้าจะประทานสิ่งสารพัดที่พวกท่านขาดอยู่นั้น จากทรัพย์อันรุ่งเรืองของพระองค์ในพระเยซูคริสต์ (ฟิลิปปี 4:19)

คนจำนวนมากอยู่ในวัยเด็กในการเดินกับพระเจ้า คำอธิษฐานของพวกเขาเต็มไปด้วยคำขอที่ไม่หยุดหย่อนสำหรับสิ่งที่เป็นวัตถุ พวกเขาต้องการบ้านใหม่ รถยนต์ นาฬิกาหรือเสื้อผ้าที่ได้รับการออกแบบที่ดี เงินฯลฯ ความจริงก็คือว่าสิ่งที่ดีที่สุดที่พระเจ้าจะให้แก่คุณนั้นไม่ใช่สิ่งเหล่านี้ สิ่งที่พระองค์ต้องการให้แก่คุณคือพระคำของพระองค์ในวิญญาณของคุณ นั่นคือสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตของคุณ

คุณอาจถามว่า “แต่พระเจ้าไม่ได้บอกเราหรือว่าให้เราขออะไรก็ได้ที่เราต้องการ?” ส่วนหนึ่งของพระคัมภีร์ข้อนั้นกล่าวว่า จง​ขอ​แล้ว​จะ​ได้ ..เพราะ​ว่า​ทุก​คน​ที่​ขอ​ก็​ได้..” (มัทธิว 7:7-8) แท้จริงแล้วนั่นคือคำพูดของพระเยซู แต่ก่อนอื่นเมื่อคุณศึกษาพระคัมภีร์ คุณต้องตระหนักว่านี่คือสิ่งที่ได้กล่าวไว้กับที่ประชุมชาวยิวก่อนการทรงไถ่ นี่ไม่ใช่ข้อความของพระคริสต์ต่อคริสตจักร คุณต้องเข้าใจว่าข้อความนี้เป็นพระพรสำหรับคริสเตียนที่เป็นทารก ไม่ใช่คนที่เป็นผู้ใหญ่ฝ่ายวิญญาณ

เปาโลกล่าวว่า เมื่อ​ข้าพเจ้า​ยัง​เป็น​เด็ก ข้าพเจ้า​พูด​อย่าง​เด็ก คิด​อย่าง​เด็ก ใคร่​ครวญหา​เหตุผล​อย่าง​เด็ก แต่​เมื่อ​ข้าพเจ้า​เป็น​ผู้ใหญ่ ข้าพเจ้า​ก็​เลิก​อาการ​เด็ก​เสีย​” (1 โครินธ์ 13:11)  “จง​ขอ​แล้ว​จะ​ได้” มีไว้สำหรับเด็กๆ เมื่อคุณอายุมากขึ้น คุณเข้าใจว่าทุกสิ่งเป็นของคุณ (1 โครินธ์ 3:21) เมื่อคุณเติบโตขึ้นในความรู้เรื่องพระเจ้า คุณจะค้นพบว่าทุกสิ่งที่คุณต้องการสำหรับชีวิตและในทางของพระเจ้านั้นเป็นของคุณแล้ว (2 เปโตร 1:3) ไม่มีอะไรที่คุณต้องขอจากพระเจ้า เพราะว่าความจำเป็นของคุณได้เข้าไปสู่ระบบแห่งการจัดเตรียมของพระองค์!

จงอ่านเรื่องราวของพระเยซู พระองค์ไม่มีการตระหนักถึงความขัดสนหรือการขาดแคลน พระองค์ไม่จำเป็นต้องขอสิ่งใดจากพระบิดา ช่างเป็นสถานที่ที่ดีจริงๆ เป็นที่ที่คุณไม่มีความตระหนักรู้ถึงความขัดสน! ใน 1 โครินธ์ บทที่ 1 เปาโลไม่ได้พูดอย่างอ้อมแอ้มในข้อที่ 9 เมื่อเขากล่าวว่า “…พระ​เจ้า​เป็น​ผู้​ทรง​ความ​สัตย์ ​พระ​องค์​ได้​ทรง​เรียก​ท่าน​ให้​สัมพันธ์​สนิท​กับ​พระ​บุตร​ของ​พระ​องค์ คือ​พระ​เยซู​คริสต์​องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​ของ​เรา​ นั่นหมายความว่าคุณได้ถูกนำเข้าไปสู่ความเป็นหนึ่งเดียวกัน ความเป็นหุ้นส่วน ครอบครัวที่เป็นหนึ่งเดียวกันกับราชาแห่งจักรวาล ถ้านี่เป็นเรื่องจริง คุณจะขาดแคลนอะไรอีกในโลกนี้! ทุกสิ่งที่เป็นของพระองค์ก็เป็นของคุณ เพราะว่าคุณเป็นทายาทของพระองค์ สรรเสริญพระเจ้า!

คำอธิษฐาน

พระบิดาที่รัก ขอบพระคุณสำหรับความชื่นชมยินดีและผลประโยชน์ของการสามัคคีธรรม ซึ่งเปิดตาของข้าพระองค์สู่ความจริงที่ว่าพระองค์ได้ตอบสนองความจำเป็นทุกอย่างของข้าพระองค์ตามความมั่งคั่งแห่งพระสิริของพระองค์ในพระเยซูคริสต์ ข้าพระองค์เพ่งความสนใจไปที่พระคำ ซึ่งเป็นแหล่งทรัพยากรของข้าพระองค์ ทุกสิ่งที่เป็นของพระองค์เป็นของข้าพระองค์ เพราะว่าข้าพระองค์เป็นทายาทของพระองค์ ในพระนามพระเยซู อาเมน

ศึกษาเพิ่มเติม:2 โครินธ์ 9:8-11; สดุดี 121:1-2; 1 เปโตร 1:23