ศุกร์ ที่ 8 ธันวาคม 2017
เชื่อและยืนยัน
Believe And Affirm
“เพราะว่าการเชื่อด้วยใจก็นำไปสู่ความชอบธรรม และการยอมรับด้วยปากก็นำไปสู่ความรอด” (โรม 10:10)

    มนุษย์เป็นวิญญาณที่มีชีวิต และไม่ใช่ร่างกาย ร่างกายของเขาเป็นเพียงบ้านชั่วคราวของเขาเท่านั้น วิญญาณอยู่ที่ไหน ตัวตนที่แท้จริงอยู่ที่นั่น ร่างกายของคุณไม่ใช่ตัวคุณ วิญญาณของคุณคือตัวคุณที่แท้จริง และวิญญาณมนุษย์นั้นมีความสามารถที่จะเชื่อ คุณไม่ต้องเห็นเพื่อที่จะเชื่อ

สิ่งนี้หักล้างสมมุติฐานที่ว่า “การมองเห็นคือการเชื่อ” นั่นเป็นสิ่งที่ขัดแย้ง เพราะว่าคุณไม่ต้อง “เชื่อ” ในสิ่งที่คุณสามารถมองเห็นได้ ถ้าคุณยืนอยู่ข้างรถโตโยต้าสีแดง และไม่มีความผิดปกติในตาของคุณ คุณคงไม่กล่าวว่า “ฉันเชื่อว่ามีรถโตโยต้าสีแดงจอดอยู่ข้างฉัน” คุณรู้ว่ารถนั้นอยู่ที่นั่นเพราะว่าคุณเห็นรถคันนั้นแล้ว คุณไม่ต้องเชื่อในสิ่งที่คุณสามารถมองเห็น คุณเชื่อในบางสิ่งที่คุณยังมองไม่เห็น

คำว่า “เชื่อ” คือคำกริยาของความเชื่อ และความเชื่อคือคำนาม การกระทำของความเชื่อคือการเชื่อ ดังนั้นคุณจะไม่บอกว่าการมองเห็นคือการเชื่อ การเชื่อคือการแสดงออกของความเชื่อของคุณ การใช้ความเชื่อของคุณ ยกตัวอย่างเช่น 1 โครินธ์ 3:21 กล่าวว่า “เพราะฉะนั้น อย่าให้ใครยกมนุษย์ขึ้นอวด เพราะว่าทุกสิ่งเป็นของท่านทั้งหลาย” คุณต้องเชื่อว่าทุกสิ่งเป็นของคุณเหมือนที่พระคำได้บอกไว้ และดำเนินชีวิตและปฏิบัติตามนั้น แม้ว่าคุณจะยังมองไม่เห็นสิ่งเหล่านั้นก็ตาม คุณควรที่จะเชื่อและกล่าวสิ่งที่คุณเชื่อออกมา

พระคำกล่าวว่า “ในพระบุตรนั้นเราได้รับการไถ่ คือการยกโทษจากบาปทั้งหลาย” (โคโลสี 1:14) โดยการเชื่อในข้อพระคำนี้ในวิญญาณของคุณ คุณประกาศว่า “ในพระคริสต์ ข้าพเจ้าได้รับการไถ่ พระองค์ได้นำข้าพเจ้าออกจากปัญหา ข้าพเจ้าได้รับการถอดออกจากทุกความเจ็บปวด ข้าพเจ้าได้รับการถอดออกจากความบาป ความมืด และทุกสิ่งที่ไม่สอดคล้องกับชีวิตของพระคริสต์ ฮาเลลูยา!”

คุณเชื่อ และคุณยืนยัน การเชื่อนั้นเกิดขึ้นด้วยวิญญาณของคุณ แต่การยืนยันเป็นการประทับตรา “และเรามีใจเชื่อเช่นเดียวกับที่เขียนไว้ว่า“ข้าพเจ้าเชื่อฉะนั้นข้าพเจ้าจึงพูด” เราก็เชื่อฉะนั้นเราจึงพูดด้วย” (2 โครินธ์ 4:13)

คำอธิษฐาน

    ข้าแต่พระบิดา ข้าพระองค์ขอบพระคุณพระองค์สำหรับการเข้ามาของพระคำของพระองค์สู่วิญญาณของข้าพระองค์ ข้าพระองค์เชื่อ และจึงกล่าวว่าข้าพเจ้าเป็นทายาทของพระเจ้าและเป็นทายาทร่วมกันกับพระคริสต์ โลกนี้เป็นของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าไม่ตระหนักถึงความขาดแคลนหรือความต้องการ เพราะว่าพระเจ้าทรงเป็นผู้เลี้ยงของข้าพเจ้า พระองค์ทำให้ข้าพเจ้ามีความเพียงพอ สรรเสริญพระเจ้า!

ศึกษาเพิ่มเติม: สุภาษิต 20:27; โรม 15:13; 2 โครินธ์ 4:13


Comments are closed