พฤหัสบดี ที่ 28 กรกฎาคม 2016

อย่าเก็บไว้กับตัวเอง
Don’t Keep It To Yourself

“และบรรดาคนที่ฉลาดจะส่องแสงเหมือนแสงฟ้า และบรรดาผู้ที่ได้ให้คนเป็นอันมากมาสู่ความชอบธรรมจะส่องแสงเหมือนอย่างดาวเป็นนิตย์นิรันดร์” (ดาเนียล 12:3)

    ข้อพระคำตอนต้นของเราพูดถึงคนที่นำวิญญาณเพื่อพระคริสต์ พวกเขาเป็นเหมือนดาวที่ส่องแสงสว่างตลอดไปเป็นนิตย์ สิ่งนี้ทำให้คุณรู้ว่าคุณสำคัญเพียงไรต่อพระเจ้า ถ้าคุณนำวิญญาณ

การนำวิญญาณคืองานอันดับหนึ่งของพระเจ้า และในฐานะลูกของพระองค์ เรานำเอาข่าวแห่งความรอดไปถึงประเทศต่างๆ ในโลกนี้ นี่เป็นงานของเรา “…” (มาระโก 16:15) ข่าวประเสริฐคือความหวังเดียวของมนุษย์ เป็นฤทธิ์เดชของพระเจ้าที่จะนำมนุษย์ออกจากความบาปสู่ความชอบธรรม และออกจากความมืดสู่ความสว่างอันมหัศจรรย์ของพระองค์ มีเพียงข่าวประเสริฐเท่านั้นที่มนุษย์จะสามารถได้รับชีวิตนิรันดร์และกลายเป็นผู้รับสภาพของพระเจ้า

โดยผ่านทางข่าวประเสริฐ ชีวิตและความเสื่อมสลายได้ถูกนำมาถึงความสว่าง (2 ทิโมธี 1:10) ดังนั้นในการรู้ถึงข่าวประเสริฐ ในการถูกช่วยให้รอดและเก็บไว้กับตัวเองเท่านั้น หมายความว่าคุณยังไม่ได้ทำให้น้ำพระทัยของพระเจ้าสำเร็จ คุณจะต้องบอกคนอื่นเกี่ยวกับพระคริสต์และฤทธิ์เดชแห่งข่าวประเสริฐของพระองค์ที่จะช่วยพวกเขาและทำให้พวกเขาเป็นผู้รับความชอบธรรมของพระองค์

จงร้อนรนเกี่ยวกับการนำวิญญาณ ทำสิ่งนี้เหมือนกับว่าคุณเป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับความรับผิดชอบนี้ไป ทำอย่างสุดความสามารถ ในเอเสเคียล 3:17-18 พระเจ้าตรัสว่า “บุตรแห่งมนุษย์เอ๋ย เราได้กระทำเจ้าให้เป็นยามเฝ้าพงศ์พันธุ์อิสราเอล เจ้าได้ยินถ้อยคำจากปากของเราเมื่อไร เจ้าจงกล่าวคำตักเตือนเขาจากเรา…” พระเจ้าได้สร้างคุณให้เป็น “ผู้เฝ้าระวัง” เหนือคนบาป คนที่ยังไม่ได้กลับใจใหม่ในโลกของคุณ ดังนั้นให้ภาระใจในการนำวิญญาณอยู่ในใจของคุณเป็นเหมือนไฟที่ลุกไหม้ อยู่ในกระดูกของคุณ มากจนคนไม่สามารถเก็บไว้กับตัวเองได้ (เยเรมีย์ 20:9)

คำอธิษฐาน
    ข้าแต่พระบิดาในสวรรค์ ข้าพระองค์ขอบพระคุณพระองค์ที่ทำให้ข้าพระองค์เป็นผู้รับใช้แห่งข่าวประเสริฐที่แท้จริงและไว้วางใจได้ เป็นทูตของพระคริสต์ ข้าพระองค์เกิดผลในวันนี้ในการนำคนมากมายมาสู่ความชอบธรรม และจากความมืดสู่ความสว่าง ผ่านทางฤทธิ์เดชของพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่ทำงานอย่างมากภายในข้าพระองค์ ข้าพระองค์ส่องสว่างเหมือนดาวนิจนิรันดร์ เพราะว่าข้าพระองค์เป็นผู้นำวิญญาณ ในนามพระเยซู อาเมน

ศึกษาเพิ่มเติม: 2 ทิโมธี 4:2; 2 โครินธ์ 4:3-5


Comments are closed