อังคาร ที่ 7 กรกฎาคม 2015

มีมิตรไมตรีและใจที่เมตตา
Be Hospitable And Kindhearted

“จงให้ความรักฉันพี่น้องมีอยู่ต่อกันเสมอไป อย่าละเลยที่จะต้อนรับแขกแปลกหน้า เพราะว่าโดยการกระทำเช่นนั้น บางคนก็ได้ต้อนรับทูตสวรรค์โดยไม่รู้ตัว” (ฮีบรู 13:1-2)

    โดยการมีมิตรไมตรีและใจที่เมตตานั้นคือสิ่งที่แสดงให้เห็นว่าธรรมชาติของพระเจ้าอยู่ภายในคุณ พระเยซูตรัสว่า “จงปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างที่ท่านปรารถนาให้เขาปฏิบัติต่อท่าน” (ลูกา 6:31) ความเมตตาไม่ใช่สิ่งที่เราทำเพื่อตัวของเราเอง แต่เป็นสิ่งที่เราทำเพื่อคนอื่น จงมีความตั้งใจในการแสดงความเมตตากับคนอื่นที่ไม่มีใครสามารถตอบแทนเราได้ยกเว้นพระเจ้า

ชีวิตคริสเตียนคือชีวิตแห่งความรักของพระเจ้าที่ได้ประทานให้กับเรา ความรักนั้นทำให้คุณคิดถึงคนอื่น และยอมรับพวกเขาอย่างที่พวกเขาเป็น แม้ในเวลาที่ดูเหมือนว่าพวกเขาไม่สมควรได้รับ เราได้รับการกำชับให้รักและมีใจเมตตาต่อคนแปลกหน้า บางคนไม่ได้ปฏิบัติต่อคนแปลกหน้าอย่างถูกต้อง เมื่อพวกเขาไม่รู้จักคุณ พวกเขาก็ไม่สนใจคุณ และไม่ต้องการจะช่วยเหลือ แต่พระคำบอกว่าเราไม่ควรจะลืมที่จะสนใจคนแปลกหน้า เพราะการทำเช่นนั้นเป็นการสนใจทูตสวรรค์โดยไม่รู้ตัว

หลายครั้งในพระคำ ทูตสวรรค์ปรากฏตัวเหมือนเป็นคนธรรมดาทั่วไป แต่งตัวธรรมดาเหมือนทุกคน ยกตัวอย่างเช่น พระคัมภีร์กล่าวว่า มีชายสามคนปรากฏตัวต่ออับราฮัม ในปฐมกาล 18:2 คนหนึ่งในนั้นคือพระเจ้า ในขณะที่อีกสองคนคือทูตสวรรค์ เมื่อทูตสวรรค์ไปยังเมืองโสโดมและโกโมราห์ คนในเมืองมองเห็นพวกเขาเป็นคนธรรมดา เพราะว่าพวกเขาเป็นเหมือนคนทั่วไป เช่นเดียวกันในพระคัมภีร์ใหม่ มีการปรากฏตัวของทูตสวรรค์ในรูปร่างของมนุษย์ และทุกวันนี้เรายังได้พบกับการปรากฏตัวเช่นนั้นด้วย

ทูตสวรรค์มีสิทธิอำนาจที่จะปรากฏในลักษณะแห่งสง่าราศี หรือในลักษณะที่ปกปิดซ่อนเร้น เหมือนมนุษย์ทั่วไป นี่คือเหตุผลว่าทำไมคุณจึงควรที่จะเมตตาต่อคนแปลกหน้า อย่าลังเลที่จะช่วยเหลือคนแปลกหน้า และปฏิบัติต่อพวกเขาเหมือนว่าคุณรู้จักพวกเขา และทำด้วยความซื่อตรง

คำอธิษฐาน
    ข้าพเจ้าเต็มด้วยความรัก เพราะว่าความรักของพระเจ้าส่องเข้ามาในใจของข้าพเจ้าโดยทางพระวิญญาณบริสุทธิ์ ข้าพเจ้าจำเริญขึ้นและได้แรงบันดาลใจโดยความรักเสมอ ข้าพเจ้ามีใจเมตตา มีมิตรไมตรี และมีความกรุณา ข้าพเจ้าสำแดงความรักของพระคริสต์แก่ทุกคน ได้รับการทรงนำโดยสติปัญญาของพระเจ้า ในนามพระเยซู อาเมน

ศึกษาเพิ่มเติม: มัทธิว 25:34-35; ฮีบรู 13:2-3


Comments are closed