“พระคัมภีร์ทุกตอนได้รับการดลใจจากพระเจ้า…” (2 ทิโมธี 3:16)

     พระคำของพระเจ้าทำให้เรารู้เกี่ยวกับสิ่งต่าง ๆ ของพระเจ้าและช่วยให้เรารู้ว่าอะไรคือพระประสงค์ แผนการ และเป้าหมายของพระเจ้า ถ้าคุณสามารถรู้จักพระคำที่ถูกเขียนของพระองค์ คุณจะรู้จักพระคำที่ไม่ได้ถูกเขียนไว้ เพราะว่าคุณจะคุ้นเคยกับผู้แต่งพระคำที่ถูกเขียนไว้ นั่นคือพระวิญญาณบริสุทธิ์

มีความแตกต่างระหว่างผู้แต่งกับผู้เขียน เรามีผู้เขียนพระคัมภีร์หลายคน ผู้เผยพระวจนะและอัครทูตเขียนพระคัมภีร์เพื่อเรา แต่พวกเขาไม่ได้เป็นผู้แต่ง ข้อพระคัมภีร์ตอนเริ่มต้นของเรากล่าวว่า “พระคัมภีร์ทุกตอนได้รับการดลใจจากพระเจ้า…” “พระเจ้า” ในที่นี้คือพระวิญญาณบริสุทธิ์ ถ้าคุณอยากรู้ว่าพระเจ้าทรงคิดอย่างไร ภาษาของพระองค์ จิตใจ ความคิด และความคิดเห็นของพระองค์ คุณต้องศึกษาพระคัมภีร์ ถ้าคุณศึกษาและใคร่ครวญในข้อพระคัมภีร์ คุณจะคุ้นเคยกับผู้แต่งพระคัมภีร์มากขึ้นเรื่อยๆ

บางครั้งบางคนสงสัยว่า “ฉันจะรู้ได้อย่างไรว่าพระเจ้ากำลังพูดกับฉันอยู่หรือ?” ฉันไม่อยากสับสนเสียงของพระเจ้ากับความคิดของฉัน” คุณสามารถเรียนรู้ภาษาของพระองค์ได้ คุณสามารถรู้มุมมองของพระองค์ ความคิดเห็นของพระองค์ ความคิดของพระองค์ทั้งหมดจากพระคัมภีร์ หัวใจของคุณชัดเจนขึ้นจนคุณสามารถแยกเสียงของพระวิญญาณบริสุทธิ์ออกจากเสียงอื่นๆ ได้

คุณต้องเรียนรู้พระคัมภีร์ ให้ความสนใจกับพระคำของพระเจ้า เมื่อคุณศึกษาพระคัมภีร์ จงจดบันทึกไว้ ขณะที่คุณอ่านความคิดบางอย่างจะมาหาคุณ จงเขียนสิ่งเหล่านั้นลง เมื่อคุณสังเกตเห็นสิ่งที่โดดเด่น จงขีดเส้นใต้ไว้ จงทำเครื่องหมายในพระคัมภีร์ของคุณ ทำคำอธิบายประกอบในพระคัมภีร์ของคุณ อย่าแค่อ่านเหมือนคุณกำลังอ่านหนังสือพิมพ์

มีคนที่อ่านพระคัมภีร์ พวกเขายังสอนคนอื่นๆ ด้วย แต่ไม่ค่อยคุ้นเคยกับความจริงและการเปิดเผยของพระวิญญาณและนั่นก็เป็นเรื่องน่าเศร้า เปาโลกล่าวว่า “คำพูดและคำเทศนาของข้าพเจ้า ไม่ใช่คำที่เกลี้ยกล่อมด้วยสติปัญญาของมนุษย์ แต่เป็นคำซึ่งได้แสดงพระวิญญาณและพระเดชานุภาพ” (1 โครินธ์ 2:4) นั่นคือสิ่งที่ควรจะเป็น คุณต้องการแสงสว่าง และพระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นผู้ที่เปิดตาฝ่ายวิญญาณของคุณต่อความจริงของพระคัมภีร์เพื่อการเติบโตและการเสริมสร้างคุณ ฮาเลลูยา!

คำอธิษฐาน