วันอาทิตย์ที่ 4 สิงหาคม
จงพูดความจริงเสมอ
Speak The Truth Always

“มีหกสิ่งซึ่งพระยาห์เวห์ทรงเกลียด มีเจ็ดสิ่งซึ่งเป็นที่น่าเกลียดน่าชังสำหรับพระองค์ ได้แก่ ดวงตายโส ลิ้นมุสาและมือที่เข่นฆ่าคนบริสุทธิ์ ใจที่คิดแผนเลวร้าย เท้าซึ่งรีบวิ่งไปสู่ความชั่ว พยานเท็จซึ่งหายใจออกมาเป็นคำมุสา และคนที่หว่านความแตกร้าวในหมู่พี่น้อง” (สุภาษิต 6:16-19)

     บางคนดูเหมือนว่าจะไม่สามารถหยุดนิสัยที่ไม่พึงประสงค์บางอย่างได้ เช่นการโกหก แต่เมื่อบังเกิดใหม่แล้วคุณก็มีธรรมชาติที่แตกต่างออกไป นั่นคือคุณไม่ได้เป็นทาสของความบาปหรือซาตาน เพราะว่าคุณได้รับการปล่อยตัวให้เป็นอิสระจากความตายและกฎแห่งบาป สิ่งที่ทำให้คนทำบาปได้ถูกทำให้พิการในชีวิตของคุณแล้ว

ดังนั้นคุณจึงสามารถพูดว่า “ไม่” ต่อนิสัยที่ไม่ดีใดๆ ได้ และนั่นก็จะเป็นเช่นนั้น ทั้งหมดที่คุณต้องทำก็คือการตัดสินใจของคุณและวินัยที่จะยึดพระคำเอาไว้ พระคำกล่าวว่า “จงละทิ้งความเท็จ” ดังนั้นจงพูดกับตัวเองว่า “ฉันพูดแต่ความจริงเสมอ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม!”

คุณสามารถเลิกจากอะไรก็ตามที่คุณทำซึ่งคุณรู้ว่าผิด สิ่งที่คุณจำเป็นต้องทำก็คือการตัดสินใจ โรม 6:14 กล่าวว่า “บาปจะไม่ครอบงำพวกท่านต่อไป เพราะว่าท่านไม่อยู่ใต้ธรรมบัญญัติ แต่อยู่ใต้พระคุณ” ความบาปไม่สามารถทำให้คุณเป็นทาสได้อีกต่อไป มันไม่สามารถทำให้คุณทำในสิ่งที่คุณไม่ต้องการทำอีกต่อไป เพราะว่าคุณมีธรรมชาติใหม่ นั่นคือธรรมชาติของพระเจ้า

ข้อพระคัมภีร์ตอนเริ่มต้นของเรานับลิ้นมุสาและพยานเท็จอยู่ในสิ่งต่างๆ ที่พระเจ้าทรงเกลียดชัง ดังนั้นจงทิ้งการโกหก มันไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติใหม่ของคุณในพระคริสต์ พระคัมภีร์กล่าวว่า “และรับการสอนให้สวมสภาพใหม่ซึ่งได้รับการสร้างขึ้นตามแบบของพระเจ้าในความชอบธรรมและความบริสุทธิ์อย่างแท้จริง” (เอเฟซัส 4:24) ตอนนี้เมื่อคุณอยู่ในพระคริสต์แล้วคุณก็ได้สวมใส่มนุษย์ใหม่ คุณเป็นคนที่แตกต่าง จงปฏิบัติตัวตามนั้น จงพูดความจริงเสมอ

คำอธิษฐาน

     พระบิดาในสวรรค์ที่รัก ขอบพระคุณสำหรับชีวิตใหม่ของข้าพระองค์ในพระคริสต์ ข้าพระองค์ได้สวมใส่มนุษย์ใหม่ซึ่งถูกสร้างขึ้นในความชอบธรรมและความบริสุทธิ์ที่แท้จริง ข้าพระองค์ได้ละทิ้งการงานของเนื้อหนังและดำเนินชีวิตในและโดยความจริงของพระคำของพระเจ้าเท่านั้น ขอบพระคุณที่นำข้าพระองค์เท่านั้นเข้าสู่เสรีภาพของพระวิญญาณในขณะที่ข้าพระองค์เดินในพระสิริแห่งชีวิตใหม่และธรรมชาติของข้าพระองค์ในพระคริสต์ ในพระนามของพระเยซู อาเมน

ศึกษาเพิ่มเติม: เศคาริยาห์ 8:16; โคโลสี 3:8-10; เอเฟซัส 4:25


Comments are closed