“เพราะฉะนั้น อย่าให้ใครยกมนุษย์ขึ้นอวด เพราะว่าทุกสิ่งเป็นของท่านทั้งหลาย “ (1 โครินธ์ 3:21)

     ในลูกา 11:11-13 พระเยซูตรัสว่า “มีใครบ้างในพวกท่านที่เป็นพ่อถ้าลูกขอปลาจะเอางูให้เขาแทนหรือ? หรือถ้าขอไข่ จะเอาแมงป่องให้เขาหรือ? เพราะฉะนั้นถ้าพวกท่านเองผู้เป็นคนบาปยังรู้จักให้สิ่งดีแก่บุตรของตน ยิ่งกว่านั้นสักเท่าใด พระบิดาผู้สถิตในสวรรค์จะประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์แก่พวกที่ขอต่อพระองค์” ในที่นี้พระองค์กำลังสอนคนที่อยู่ในพันธสัญญาเดิม คือชาวยิวเกี่ยวกับความเชื่อในพระเจ้าว่าจะทำอย่างไรจึงจะได้รับจากพระเจ้า

แต่ทุกวันนี้ พวกเราเป็นผู้ถูกสร้างใหม่ในพระคริสต์ สถานการณ์เปลี่ยนไปจากเดิม เราไม่จำเป็นต้องพยายามที่จะรับบางสิ่งบางอย่างจากพระเจ้า ทั้งนี้เพราะเรามีทุกสิ่งในพระคริสต์ พระคัมภีร์กล่าวว่า “ฤทธิ์เดชของพระเจ้าได้ให้ทุกสิ่งแก่เรา ที่จำเป็นต่อชีวิตและต่อการดำเนินตามทางพระเจ้า…” (2 เปโตร 1:3) คำกริยาของประโยคดังกล่าวแสดงว่ามันสำเร็จแล้ว พระเจ้าได้ประทานทุกสิ่งแก่คุณที่จำเป็นต่อชีวิตและต่อการดำเนินตามทางพระเจ้า

คนมากมายเข้าใจผิดในคำสอนของพระเยซูเรื่องความเชื่อ คำสอนเหล่านั้นแท้จริงไม่ได้ประยุกต์ใช้กับคนที่ถูกสร้างใหม่แล้ว เพราะพระองค์กำลังสอนหลักการให้กับชายและหญิงที่ดำเนินชีวิตตามความรู้สึก ตามประสาทสัมผัส คนเหล่านั้นไม่เข้าใจว่าความเชื่อเป็นวิถีชีวิต พวกเขาไม่เข้าใจว่าจะดำเนินชีวิตจากภายในออกมาสู่ภายนอกได้อย่างไร

ทุกสิ่งที่คุณต้องการในชีวิตอยู่ภายในตัวคุณแล้ว ไม่มีความจำเป็นที่จะพยายามรับบางสิ่งบางอย่างจากพระเจ้า เหมือนหนึ่งมันมาจากภายนอก ไม่ใช่ คุณไม่จำเป็นต้องพยายามที่จะให้ได้มาในสิ่งที่คุณมีอยู่แล้ว สิ่งที่จำเป็นคือคุณต้องรู้ว่าจะทำอย่างไรให้สิ่งที่คุณมีอยู่แล้วในพระคริสต์ปรากฏออกมาให้เป็นที่ประจักษ์

การจัดเตรียมของพระเจ้าในข่าวประเสริฐมีอย่างบริบูรณ์ให้กับคุณในพระคริสต์ คุณเพียงแต่ต้องเปล่งวาจาออกมา ที่คุณพูดมันก็จะเกิดขึ้น สิ่งที่คุณต้องการ สิ่งที่คุณจำเป็น ได้จัดเตรียมเป็นของคุณแล้ว จงเรียกให้มันปรากฏแล้วมันจะปรากฏออกมา

ถ้อยคำแห่งความเชื่อ