วันพุธที่ 17 เมษายน
คำพูดของพระองค์ในวิญญาณของคุณ
HIS WORD IN YOUR SPIRIT

“จงให้พระวจนะของพระคริสต์อยู่ในพวกท่านอย่างบริบูรณ์ จงสั่งสอนและเตือนสติกันด้วยปัญญาทั้งสิ้น จงร้องเพลงสดุดี เพลงนมัสการ และเพลงฝ่ายจิตวิญญาณด้วยการขอบพระคุณพระเจ้าในใจของท่าน” (โคโลสี 3:16)

     ในโคโลสี 1:9 โดยพระวิญญาณเปาโลอธิษฐานว่า “เพราะเหตุนี้นับตั้งแต่วันที่เราได้ยินเรื่องนี้ เราก็ไม่ได้หยุดอธิษฐานและทูลขอเพื่อท่านทั้งหลาย เพื่อให้ท่านเต็มเปี่ยมด้วยความรู้เรื่องพระประสงค์ของพระองค์โดยสรรพปัญญาและความเข้าใจฝ่ายจิตวิญญาณ” คำว่า “ความเข้าใจ” แปลมาจากภาษากรีกของคำว่า “ซูเนซิส” (Sunesis) นี่คือการตีความ วิธีคิด ความคิด ในข้อนี้อัครทูตเปาโลกำลังจัดการกับความเข้าใจบางอย่าง ความเข้าใจที่ได้รับจากการเปิดเผยสำแดง ซึ่งคือพระคำของพระเจ้าที่ประทานให้แก่เรา

นี่คือเหตุผลที่คุณต้องอยู่ในพระคำของพระเจ้า นั่นคือศึกษาด้วยความเข้าใจ จงอ่านข้อพระคัมภีร์ตอนเริ่มต้นของเราอีกครั้ง ซึ่งบอกว่า “จงให้พระวจนะของพระคริสต์อยู่ในพวกท่านอย่างบริบูรณ์…” สิ่งนี้จะทำให้คุณมีความเฉลียวฉลาด มีไหวพริบลึกซึ้งและชาญฉลาดในฝ่ายวิญญาณ

อีกส่วนที่สวยงามของเรื่องนี้ก็คือพระเจ้าไม่ได้แค่กำลังสร้างเราขึ้นเพื่อโลกนี้เท่านั้น ทุกสิ่งที่พระองค์กำลังทำในตัวเรา นั่นคือการเขียนโปรแกรมของพระองค์ในตัวเราผ่านทางพระคำ ก็เพื่อสำหรับยุคที่จะมาถึง ดังนั้นถ้าคุณไม่มีพระคำในตัวคุณ ด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่ให้ความเข้าใจฝ่ายวิญญาณแก่คุณ ความเข้าใจในความเป็นจริงของแผ่นดินของพระเจ้าในขณะที่คุณยังอยู่ในแผ่นดินโลกนี้ คุณจะทำงานในโลกที่จะมาถึงได้อย่างไร?

ดังนั้นการศึกษาพระคัมภีร์ด้วยความตื่นเต้นจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ มีความหิวกระหายที่รุนแรงและตะกละต่อพระคำ จงทำทุกสิ่งเพื่อพระคำ เพราะว่าพระคำของพระเจ้าคือทุกสิ่ง ด้วยพระคำในตัวคุณไม่สำคัญว่าคุณจะต้องการอะไรในโลกนี้ คุณสามารถมีสิ่งนั้นได้! ด้วยพระคำของพระเจ้าในวิญญาณของคุณและออกมาจากปากของคุณ คุณสามารถรับใช้องค์พระผู้เป็นเจ้าอย่างซื่อสัตย์และถวายพระสิริแด่พระองค์ในตอนนี้และในยุคที่จะมาถึง

ถ้อยคำแห่งความเชื่อ

     ฉันเดินในความชอบธรรมและการครอบครอง และฉันมีความเข้าใจในความล้ำลึกและความลับของแผ่นดินของพระเจ้า ฉันดำเนินชีวิตอยู่เหนือโลกและเป็นระบบที่ล้มเหลวของมัน ฉันดำเนินชีวิตอยู่ในพระคริสต์และระเบียบโลกของพระองค์ ฮาเลลูยา!

ศึกษาเพิ่มเติม: กิจการ 20:32; เอเฟซัส 1:17-18


Comments are closed