จงพิจารณาตัวเองดูว่าท่านทั้งหลายดำรงอยู่ในความเชื่อหรือไม่ จงพิสูจน์ตัวเอง… (2 โครินธ์ 13:5)
มีคนที่คิดว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าอนุญาตให้เกิดภัยพิบัติหรือมีส่วนในความโชคร้ายที่ผู้คนต้องทนทุกข์ มันเหมือนเพื่อนที่คร่ำครวญว่า “ฉันกำลังออกไปรับใช้องค์พระผู้เป็นเจ้า ทำงานเพื่อพระองค์ทุกวัน ถึงกระนั้นพระองค์ก็ยังอนุญาตให้มารฆ่าลูกของฉัน” แต่นั่นไม่เป็นความจริง! องค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ได้มีส่วนในความชั่วร้ายหรือความเสียหายที่เกิดขึ้นกับผู้คน นี่ไม่สอดคล้องกับธรรมชาติของพระองค์ พระองค์เป็นความรักที่สำแดงออกเป็นตัวบุคคล ไม่มีความมืดในพระองค์
อะไรก็ตามที่คุณทนทุกข์ที่ไม่ได้สอดคล้องกับการจัดเตรียมของพระคริสต์ในข่าวประเสริฐไม่ได้มาจากพระเจ้า ชีวิตคือเรื่องฝ่ายวิญญาณ และคุณต้องรับผิดชอบต่อชีวิตของคุณ นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นกับคุณ นี่เป็นเรื่องเกี่ยวกับความเชื่อและวิธีการใช้ความเชื่อของคุณ พระเยซูตรัสใน มัทธิว 17:20 ว่า “…ถ้าพวกท่านมีความเชื่อเท่าเมล็ดมัสตาร์ดเมล็ดหนึ่ง พวกท่านจะสั่งภูเขานี้ว่า ‘จงเคลื่อนจากที่นี่ไปที่โน่น’ มันก็จะเคลื่อนไป และสิ่งใดที่เป็นไปไม่ได้สำหรับพวกท่านจะไม่มีเลย” นี่เป็นการป่าวประกาศที่เต็มไปด้วยอำนาจอธิปไตย ดังนั้นคำถามก็คือว่าคุณกำลังทำอะไรกับความเชื่อของคุณ? คุณทำให้ความเชื่อของคุณทำงานอย่างไร?
พระคัมภีร์กล่าวว่า “แต่คนชอบธรรมของเรานั้นจะดำรงชีวิตอยู่ด้วยความเชื่อ…” ฮีบรู 10:38 การใช้ความเชื่อของคุณเพื่อจัดการกับวิกฤตการในชีวิตทุกวันเป็นความรับผิดชอบของคุณ ยากอบ 1:22 กล่าวว่า “แต่จงเป็นผู้ประพฤติตามพระวจนะ ไม่ใช่เป็นเพียงผู้ฟังเท่านั้น มิฉะนั้นจะเป็นการหลอกตัวเอง” การทำตามพระคำคือกุญแจสำคัญ คุณปฏิบัติตามความเชื่อของคุณโดย “การทำตาม” พระคำ เราเป็นผู้ปฏิบัติตามพระคำ
ถ้าสิ่งต่างๆไม่ได้เกิดผลอย่างที่คุณคาดหวัง นั่นไม่ใช่ความผิดของพระเจ้าเพราะว่าพระองค์ทรงสมบูรณ์แบบ เนื่องจากพระองค์ทรงสมบูรณ์แบบ คุณจึงต้องตรวจสอบสิ่งอื่นว่าความผิดพลาดนั้นมาจากไหน เป็นได้ว่าคุณอาจไม่เข้าใจพระองค์หรือพระคำของพระองค์ดีพอ บางทีคุณอาจไม่ได้ทำในสิ่งที่พระองค์พูด หรืออาจจะไม่ใช่เวลาที่ถูกต้อง ดังนั้นสิ่งที่ถูกต้องที่คุณจะต้องทำก็คือการตรวจสอบความเชื่อของคุณเองตามที่คุณได้อ่านในข้อพระคัมภีร์หลักของเรา
ชีวิตแห่งความเชื่อที่มอบให้แก่เรานั้นไม่ใช่การหลอกลวง องค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ได้ซ่อนอยู่หลังความเชื่อเพื่อที่พระองค์จะไม่ทำในสิ่งที่พระองค์บอกว่าพระองค์ได้ทำแล้ว ความเชื่อเกิดผลเสมอ ถ้าไม่เกิดผลก็แสดงว่านั่นไม่ใช่ความเชื่อ ดังนั้นจงทำให้ความเชื่อของคุณเติบโตขึ้นโดยการเพิ่มพูนความรู้ของคุณในพระคำ
คำอธิษฐาน
พระบิดาที่รัก พระองค์ทรงสมบูรณ์แบบและไม่มีความแปรปรวนและเงาแห่งการเปลี่ยนแปลงในพระองค์ ข้าพระองค์รับผิดชอบต่อชีวิตของข้าพระองค์ด้วยการทำให้ความเชื่อของข้าพระองค์เติบโตขึ้นผ่านทางพระคำและทำให้เข้มแข็งขึ้นด้วยการใช้งาน ดังนั้นข้าพระองค์จึงทำให้เกิดชัยชนะและความมีชัยในทุกสถานการณ์และสภาพแวดล้อม ในพระนามของพระเยซู อาเมน
ศึกษาเพิ่มเติม
สดุดี 18:30; 2 โครินธ์ 1:20; ฮีบรู 13:8; มัทธิว 24:35; ยากอบ 1:17
Comments are closed