วันพฤหัสบดี ที่ 2 เมษายน 2020                         

สิทธิอำนาจเหนือพวกวิญญาณชั่ว
Authority Over Demons

มีคนเชื่อที่ไหนหมายสำคัญเหล่านี้จะบังเกิดขึ้นที่นั้น คือเขาจะขับผีออกโดยนามของเรา เขาจะพูดภาษาแปลกๆ (มาระโก 16:17)

ก่อนที่พระเยซูจะเสด็จมา ผู้คนไม่ได้มีข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับพวกปิศาจและพวกวิญญาณชั่ว พระเยซูแสดงให้เห็นว่าหลายสิ่งหลายอย่างที่คนจำนวนมากคิดว่าเป็นเรื่องธรรมดาว่าเป็นเรื่องฝ่ายวิญญาณ

ยกตัวอย่างเช่น พระองค์ทำให้เราตระหนักว่าความเจ็บป่วยและโรคส่วนใหญ่มีพวกวิญญาณชั่วอยู่เบื้องหลัง เมื่อพวกเขานำคนที่หูหนวกและเป็นใบ้มาหาพระเยซู พระคัมภีร์บอกว่าพระองค์ขับผีออกไป และทันใดนั้นหูที่หนวกก็หาย และคนนั้นก็เริ่มได้ยิน และลิ้นที่ใบ้ก็คลายออก ลูกา 11:14 กล่าวว่า พระ​องค์​ทรง​กำลัง​ขับ​ผี​ใบ้ และ​เมื่อ​ผี​ออก​แล้ว คน​ใบ้​จึง​พูด​ได้ และ​ประชาชน​ก็​ประหลาด​ใจ

มาระโก 1:32-34 เปิดเผยความจริงเดียวกันนี้ เวลา​เย็น​วัน​นั้น​ครั้น​ตะวันตก​แล้ว คน​ทั้ง​หลาย​พา​บรรดา​คน​เจ็บป่วย และ​คน​ที่​มี​ผี​สิง​มา​หา​พระ​องค์​ และ​คน​ทั้ง​เมือง​ก็​แตกตื่น​มา​ออ​กัน​อยู่​ที่​ประตู​ พระ​องค์​จึง​ทรง​รักษา​คน​เป็น​โรค​ต่างๆ ให้​หาย​หลาย​คน และ​ได้​ทรง​ขับ​ผี​ออก​เสีย​หลาย​ผี แต่​ผี​เหล่า​นั้น​พระ​องค์​ทรง​ห้าม​มิ​ให้​พูด เพราะ​ว่า​มัน​รู้จัก​พระ​องค์” วันนี้มีหลายคนที่ไม่รู้เรื่องของกิจกรรมของพวกวิญญาณชั่ว แต่ความเป็นจริงก็คือมีวิญญาณชั่วที่ทำงานอยู่ในชีวิตของผู้คน บางครั้งคุณพบคนที่มีอารมณ์เดือดดาลและรุนแรง พวกเขาบอกว่าพ่อของเขาเป็นอย่างนั้น และเขาคิดว่ามันเป็นเรื่องปกติ แต่ไม่ใช่ พวกวิญญาณชั่วเป็นผู้ที่ทำให้สิ่งเหล่านั้นเกิดขึ้น

พระคัมภีร์กล่าวถึงผีโสโครกซึ่งทำให้คนไม่สะอาดและทำสิ่งที่ชั่วร้ายในชีวิตของมนุษย์ พวกมันบางตัวทำให้บางคนประสบกับความผิดหวังในชีวิต คุณพบคนที่ประสบความสำเร็จอย่างมากในหลายๆ ด้านซึ่งจู่ๆก็กลับไปสู่ความว่างเปล่า พวกเขาสูญเสียทุกอย่างโดยไม่รู้ว่าพวกเขากำลังถูกรุกรานโดยอำนาจของวิญญาณชั่ว

แต่ขอบพระคุณพระเจ้า! ในพระคริสต์ คุณมีสิทธิอำนาจที่จะขับไล่พวกมันออกไปจากชีวิตของคุณได้ คุณไม่จำเป็นต้องให้ผู้รับใช้มาช่วยคุณขับผี พระเยซูกล่าวว่าเราทุกคนที่เชื่อในพระองค์จะขับผีออกในพระนามของพระองค์ (มาระโก 16:17) นี่เป็นสัญลักษณ์แห่งความเป็นพระเจ้าของเรา ดังนั้นถ้ามีเหตุการณ์และการกระทำรอบตัวคุณที่คุณไม่สบายใจและคุณเห็นว่าซาตานอยู่เบื้องหลัง ก็จงขับมันออกไป!

ถ้อยคำแห่งความเชื่อ

ขอบพระคุณองค์พระผู้เป็นเจ้าสำหรับสิทธิอำนาจในพระคริสต์เหนือพวกวิญญาณชั่วและฤทธิ์อำนาจของความมืด แม้ในขณะนี้ฉันเดินอยู่ในแสงสว่างแห่งสิทธิอำนาจนี้ด้วยการกล่าวห้ามซาตานและพวกวิญญาณชั่วไม่ให้ทำหรือมีอิทธิพลใดๆที่เกี่ยวข้องกับฉัน ฉันหยุดกิจกรรมของพวกวิญญาณชั่วในครอบครัวและที่ทำงานของฉันในวันนี้ ในพระนามของพระเยซู อาเมน

ศึกษาเพิ่มเติม:มัทธิว 10:8; มาระโก 1:33-34; กิจการ 8:6-7


วันพุธที่ 1 เมษายน 2020                                                                                                                                                                                                                               

อธิษฐานเผื่อวิญญาณที่หลงหาย
Praying For Lost Souls

แต่ถ้ามีม่านบังข่าวประเสริฐของเราไว้จากใครก็จากคนเหล่านั้นที่กำลังจะพินาศ ส่วนคนที่ไม่เชื่อนั้นพระของยุคนี้ได้กระทำใจของเขาให้มืดไป เพื่อไม่ให้เขาได้เห็นความสว่างของข่าวประเสริฐ เรื่องพระสิริของพระคริสต์ผู้เป็นพระฉายของพระเจ้า  (2 โครินธ์ 4:3-4)

ข้อพระคัมภีร์ข้างบนได้แสดงให้เราเห็นอย่างชัดเจนว่าซาตานเป็นผู้ที่ทำให้ตาของคนที่ไม่เชื่อในข่าวประเสริฐมืดบอด แต่ซาตานและวิญญาณชั่วทุกตัวยอมจำนนต่อคุณในพระนามของพระเยซู โดยไม่มีข้อยกเว้นใดๆเรามีสิทธิอำนาจอย่างสมบูรณ์เหนือพวกมัน

แต่บางคนได้ถามว่า “แล้วพระวจนะของพระเยซูเมื่อพวกเขาถามพระองค์ว่าทำไมพวกเขาจึงไม่สามารถขับผีออกมาได้ แล้วพระเยซูตรัสตอบว่า แต่​ผี​ชนิด​นี้​ไม่​เคย​ถูก​ขับ​ออก เว้น​ไว้​โดย​การ​อธิษฐาน​และ​กา​รอด​อาหาร (มัทธิว 17:21) ประการแรก ให้สังเกตว่าพระเยซูไม่ได้บอกว่าพวกเขาไม่สามารถที่จะขับผีออกได้ ยิ่งกว่านั้นนั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนการสิ้นพระชนม์เพื่อการไถ่และการเป็นขึ้นมาจากความตายของพระเยซู หลังจากที่ได้ทำลายเทพ​ผู้​ครองและ​ศักดิ​เทพด้วยสิ่งนี้ คุณก็ไม่จำเป็นต้องอธิษฐานและอดอาหารเพื่อให้สามารถขับพวกมันออกไปได้ในตอนนี้ สิทธิอำนาจนั้นได้ถูกมอบให้แก่เราแล้ว (โคโลสี 2:15; มัทธิว 28:18-19)

เมื่อคุณมีเพื่อนหรือคนที่คุณรักซึ่งคุณรู้ว่าซาตานได้ผูกมัดไว้ไม่ให้รับข่าวประเสริฐ ก็จงขับไล่มารออกไป คุณพูดว่า “ฉันหักทำลายฤทธิ์อำนาจของมารซึ่งอยู่เหนือความคิดของเขา ชีวิตของเขา และฉันเรียกร้องสิทธิ์ถึงความรอดของเขาและกล่าวว่าสำเร็จแล้ว ในพระนามของพระเยซู! ฉันป่าวประกาศว่าเขามาหาองค์พระผู้เป็นเจ้า! ฉันปลดปล่อยวิญญาณที่ทำพันธกิจให้ออกไปและนำทางของเขาไปสู่ความรอด และมันจะเป็นเช่นนั้น ในพระนามของพระเยซูเจ้า!”

อย่างไรก็ตามหลังจากที่ทำการป่าวประกาศเหล่านั้นแล้ว ก็อธิษฐานวิงวอนต่อไปเพราะว่าเจตจำนงของคนนั้นเองก็มีบทบาทในการรับใช้พระเจ้า แม้ว่าอิทธิพลของซาตานจะถูกทำลายไปแล้ว แต่การตัดสินใจที่จะรับใช้องค์พระผู้เป็นเจ้าก็ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลเอง ส่วนที่เกี่ยวข้องกับเจตจำนงของบุคคลนั้นจำเป็นต้องมีการอธิษฐานวิงวอนอย่างต่อเนื่อง ถ้าคุณต้องการมีอิทธิพลต่อเจตจำนงของมนุษย์ คุณก็ไม่สามารถทำได้โดยคำอธิษฐานด้วยความเชื่อเท่านั้น แต่ต้องทำโดยคำอธิษฐานวิงวอน

คำอธิษฐาน

พระบิดาที่รัก ข้าพระองค์เผื่อดวงวิญญาณที่หลงหายทั่วโลกที่ข่าวสารแห่งความรอดจะส่องสว่างในหัวใจพวกเขาในขณะที่พวกเขาได้รับและโอบกอดความชอบธรรมของพระคริสต์ในข่าวประเสริฐ ในพระนามพระเยซู อาเมน

ศึกษาเพิ่มเติม:1 ทิโมธี 2:1-4; เอเสเคียล 22:30


วันอังคารที่ 31 มีนาคม 2020

จงรู้ว่าคุณเป็นใคร
Know Who You Are

พระทั้งหลายไม่รู้และไม่เข้าใจ พวกเขาเดินไปมาในความมืด รากทั้งสิ้นของแผ่นดินโลกก็หวั่นไหว (สดุดี 82:5)

หลายคนที่ตกเป็นเหยื่อในชีวิตจริงๆ แล้วไม่ใช่เป็นเหยื่อของมาร แต่เป็นเหยื่อของความไม่รู้ ในโฮเชยา 4: 6 พระเจ้าตรัสว่า ประชากรของเราถูกทำลายเพราะขาดความรู้…” พระองค์ไม่ได้พูดว่าประชากรของพระองค์ถูกมารทำลาย

ลองคิดแบบนี้ คุณจะทำอย่างไรหรือคุณจะดำเนินชีวิตอย่างไร ถ้าคุณค้นพบว่าไม่มีความเจ็บป่วยใดที่จะสามารถเกาะติดอยู่ที่ร่างกายของคุณได้? ถ้าคุณค้นพบว่าคุณมีชีวิตที่ไม่สามารถล้มเหลวได้ ชีวิตที่ไม่สามารถพ่ายแพ้หรือถูกทำลายได้ สิ่งนั้นจะส่งผลกระทบต่อความคิดของคุณอย่างไร? แน่นอนที่สุดว่าสิ่งนี้จะเปลี่ยนความภูมิใจในตัวของคุณเอง สิ่งเหล่านี้เป็นการค้นพบของฉันในพระคำของพระเจ้าเมื่อหลายปีก่อน แต่หลายคนก็ยังไม่คุ้นเคยกับความจริงเหล่านี้ และด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงประเมินชีวิตของพวกเขาบนพื้นฐานของเนื้อหนัง นั่นคือพวกเขารับรู้ด้วยประสาทสัมผัสตามธรรมชาติ

ชีวิตของคุณขึ้นอยู่กับข้อมูลที่คุณมี มาตรฐานชีวิตของคุณถูกจำกัดอยู่ที่ความรู้ของคุณ ไม่มีใครดำเนินชีวิตอยู่เหนือระดับความรู้ของเขา ถ้าคุณมีความรู้ในพระคำของพระเจ้าก็จะทำให้เกิดความแตกต่างขึ้นในชีวิตของคุณ ข้อพระคัมภีร์หลักของเรากล่าวว่า พวกเขาไม่รู้และไม่เข้าใจ พวกเขาเดินไปมาในความมืด.. นี่คือเหตุผลที่ลูกของพระเจ้าบางคนกำลังทนทุกข์ ต่อสู้ดิ้นรนในชีวิตของพวกเขา พวกเขาไม่รู้ว่าจริงๆ แล้ว คนที่ถูกสร้างใหม่คือใคร

เมื่อความเป็นจริงของพระคำและคนที่ถูกสร้างใหม่คือใครส่องสว่างเหนือคุณ ทันใดนั้นคุณก็มาถึงสถานที่ที่มีความมั่นใจและความเป็นอิสระอย่างแท้จริง ซึ่งคุณตระหนักว่าโลกไม่ได้กำหนดว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับคุณ คุณกลายเป็นเหมือนพระเยซู ซึ่งไม่มีความรู้สึกถึงความขาดแคลน นั่นคือชีวิตที่พระองค์ประทานให้แก่เรา และขณะที่คุณศึกษาและใคร่ครวญพระคำ ไม่เพียงแต่คุณค้นพบมรดกของคุณในพระคริสต์เท่านั้น แต่คุณยังได้รับความเชื่อที่จะเกี่ยวข้องและเพลิดเพลินกับทุกสิ่งที่พระเจ้าได้ทรงเตรียมไว้ให้คุณในพระองค์ ขอพระสิริจงมีแด่พระนามของพระองค์ตลอดไป!

ถ้อยคำแห่งความเชื่อ

หัวใจของฉันท่วมท้นไปด้วยความรู้และความเข้าใจฝ่ายวิญญาณ ฉันรู้ว่าฉันเป็นใคร นั่นคือเป็นทายาทของพระเจ้าและเป็นทายาทร่วมกับพระคริสต์ ฉันรู้ว่าฉันเป็นใครและอะไรเป็นของฉันในพระคริสต์ ฉันดำเนินชีวิตอยู่เหนือการขาดแคลน ความเจ็บป่วย โรค ความพ่ายแพ้ และพื้นฐานทั้งหมดของโลกนี้ ชีวิตของฉันสูงขึ้นและไปข้างหน้าทางเดียว จากพระสิริสู่พระสิริ จากความเชื่อสู่ความเชื่อ และจากพระคุณสู่พระคุณ! อาเมน

ศึกษาเพิ่มเติม:สุภาษิต 11:9; 2 เปโตร 1:2-3


วันจันทร์ที่ 30 มีนาคม  2020

พระคำในวิญญาณของคุณ
The Word In Your Spirit

จงเอาความรอดเป็นหมวกเหล็กป้องกันศีรษะ และจงถือพระแสงของพระวิญญาณคือพระวจนะของพระเจ้า (เอเฟซัส 6:17)

2 โครินธ์ 10:3 กล่าวว่า “เพราะ​ว่าถึง​แม้​ว่า​เรา​ดำ​เนิน​ชีวิต​อยู่​ใน​เนื้อหนัง แต่​เรา​ก็​ไม่​ได้​สู้​รบ​ตาม​เนื้อหนัง” เราไม่ได้อยู่ในสงครามทางกายภาพ แต่สงครามฝ่ายวิญญาณ และอาวุธของเราคือพระคำของพระเจ้า นั่นคือพระแสงของพระวิญญาณ เมื่อคุณปลดปล่อยพระคำของพระเจ้า เรม่าของพระเจ้า คุณก็กำลังอยู่ฝ่ายรุกในมิติฝ่ายวิญญาณ นั่นคือปลดปล่อยฤทธิ์อำนาจที่จะทำลายศัตรู นี่คือเหตุผลสำหรับการใคร่ครวญ

พระคำของพระเจ้านั้นเต็มไปด้วยฤทธิ์อำนาจในปากของคุณหลังจากการใคร่ครวญอย่างลึกซึ้ง ในระหว่างการใคร่ครวญแบบนี้ ความสนใจทั้งหมดของคุณจะอยู่ที่พระคำ นั่นคือคุณไม่อนุญาตให้มีการรบกวนใดๆเลย นี่คือสิ่งที่ทำให้เกิดความแตกต่างระหว่างคนที่อ้างข้อพระคัมภีร์จากในหัวและคนที่อ้างข้อพระคัมภีร์เนื่องจากเป็นสิ่งที่อยู่ในตัวเขา นี่คือสิ่งที่แยกดาวิดออกจากคนอิสราเอลที่เหลือ พวกเขาทั้งหมดเข้าสุหนัตและรู้เกี่ยวกับพันธสัญญา แต่พวกเขาสั่นสะท้านต่อหน้าโกลิอัท ไม่มีใครสามารถเผชิญหน้ากับยักษ์ได้

แต่เมื่อดาวิดปรากฏตัวขึ้น เขาสงสัยว่าทำไมทุกคนถึงกลัวโกลิอัทและพูดว่า “…คน​ฟีลิส​เตีย​ผู้​ไม่​ได้​เข้า​สุหนัต​คน​นี้​คือ​ใคร จึง​มา​ท้า​ทาย​กอง​ทัพ​ของ​พระ​เจ้า​ผู้​ทรง​พระ​ชนม์​อยู่?” (1 ซามูเอล 17:26) เขากำลังพูดว่า “เราเข้าสุหนัต และการเข้าสุหนัตทำให้เราเป็นพันธมิตรกับพระเจ้า แต่ชายคนนี้ไม่ได้เข้าสุหนัต เขาไม่ได้มีพระเจ้าอยู่ข้างเขา!” การเข้าสุหนัตนั้นมีความหมายบางอย่างกับดาวิดที่คนอื่นไม่รู้

นั่นคือสิ่งที่จะเกิดขึ้นเมื่อพระคำอยู่ในวิญญาณของคุณ พระเยซูกล่าวว่า แม่​น้ำ​ที่​มี​น้ำ​ดำ​รง​ชีวิต​จะ​ไหล​ทะลักท่วมออก​มา​จาก​ภาย​ใน​คุณ (ยอห์น 7:38) โคโลสี 3:16 กล่าวว่า จง​ให้​พระ​วจนะ​ของ​พระ​คริสต์​อยู่​ใน​พวก​ท่าน​อย่าง​บริ​บูรณ์..” จงโลภในการศึกษาและใคร่ครวญพระคำ จงมีพระคำในหัวใจและในปากของคุณ นั่นจะทำให้คุณประหลาดใจและทำให้คุณมีความคิดของผู้ชนะ สรรเสริญพระเจ้า!

ถ้อยคำแห่งความเชื่อ

แม่​น้ำ​ที่​มี​น้ำ​ดำ​รง​ชีวิต​จะ​ไหล​ออก​มา​จาก​ภาย​ใน​ฉัน! ขณะที่ฉันใคร่ครวญและรับพระคำเข้าสู่วิญญาณของฉันด้วยความยินดี สิ่งนี้นำมาซึ่งความชอบธรรม สติปัญญา และการเปิดเผยสำแดง ความเจริญรุ่งเรือง ชัยชนะ และความอุดมสมบูรณ์! สรรเสริญพระเจ้า!

ศึกษาเพิ่มเติม:โยชูวา 1:8; 1 ทิโมธี 4:15


วันอาทิตย์ที่ 29 มีนาคม  2020

ความมั่งคั่งสำหรับปัญหาในทุกๆวัน
Wealth For Everyday Solution

ขอประทานอาหารประจำวันแก่พวกข้าพระองค์ในวันนี้ (มัทธิว 6:11)

ในฐานะลูกของพระเจ้า รัฐบาลของประเทศคุณไม่ควรตัดสินใจเรื่องความเจริญรุ่งเรืองของคุณ มีรัฐบาลที่สูงกว่านั้น นั่นคือรัฐบาลของสวรรค์ และคุณอยู่ในรัฐบาลนั้น ภายใต้รัฐบาลของสวรรค์ ความเจริญรุ่งเรืองทางการเงินของคุณนั้นมีอยู่ตลอดเวลา มีการจัดเตรียมสำหรับคุณทุกวัน!

ต่างจากรัฐบาลของโลกนี้ ไม่มีระบบ “สวัสดิการ” หรือโปรแกรมบำนาญสำหรับพระเจ้า พระองค์ใหญ่กว่าและทำได้ดีกว่านั้น พระองค์มีแผนการที่เปี่ยมด้วยพระสิริสำหรับชีวิตของคุณและได้จัดเตรียมสำหรับอนาคตของคุณ คุณไม่จำเป็นต้องดำเนินชีวิตด้วยเงินบำนาญ การกุศล หรือผลประโยชน์จากรัฐบาลหรือใครก็ตาม พระคัมภีร์กล่าวว่าพระองค์ประทานทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับชีวิตและในทางของพระเจ้าให้แก่คุณแล้ว (2 เปโตร 1:3) ทั้งหมดที่คุณต้องการเพื่อจะไม่ต้องการความช่วยเหลือหรือการสนับสนุนใดๆเลย ฮาเลลูยา!

จุดประสงค์ของพระเจ้าคือคุณจะใหญ่พอที่จะช่วยเหลือผู้อื่น พระองค์ไม่ได้ต้องการให้คุณเป็นคนที่ต้องการความช่วยเหลือ พระคัมภีร์กล่าวว่าพวกผู้ช่วยให้รอดจะมาจากภูเขาศิโยน (โอบาดีห์ 1:21) นั่นคือคุณและฉัน เราเป็นทายาทของพระเจ้า และผ่านทางเรา พระองค์ได้อวยพรและทำให้หลายคนมั่งมี มีหลายคนรอบตัวเราที่ต้องการความช่วยเหลืออย่างมาก และเราต้องฟังเสียงร้องขอความช่วยเหลือของพวกเขา

เราอ่านข้อพระคัมภีร์หลักของเราว่าพระเยซูสอนพวกสาวกให้อธิษฐานอย่างไร ส่วนหนึ่งของรูปแบบเนื้อหาของคำอธิษฐานนั้นคือ “ขอประทานอาหารประจำวันแก่พวกข้าพระองค์ในวันนี้ ” พระองค์บอกให้เรารู้ว่ามีการจัดเตรียมรายวันและชื่อของคุณอยู่ในนั้น! การจัดเตรียมที่คุณไม่เคยอ้างสิทธิ์ได้สะสมรอคุณอยู่

ถึงเวลาแล้วที่จะอ้างสิทธิ์ในสิ่งเหล่านี้ ถึงเวลาแล้วที่คุณจะพูดว่า “พระบิดา ข้าพระองค์พร้อมแล้ว การจัดเตรียมรายวันสำหรับข้าพระองค์ทั้งหมดที่ข้าพระองค์ไม่เคยอ้างสิทธิ์ ข้าพระองค์รับสิ่งเหล่านั้นในตอนนี้!” จงมีความกล้าที่จะเรียกสิ่งเหล่านั้นออกมา อย่ารอจนไปถึงสวรรค์และค้นพบว่ามีอะไรมากมายที่คุณสามารถมีได้ที่คุณไม่เคยฉวยโอกาสเอาไว้ จงอ้างสิทธิ์ในสิ่งที่เป็นของคุณ เงินเดือน หรือบำนาญ หรือกำไรจากธุรกิจของคุณไม่ใช่แหล่งทรัพยากรของคุณ พระเจ้าเป็นแหล่งทรัพยากรของคุณ และพระองค์ได้ทรงจัดเตรียมให้คุณทุกวัน สรรเสริญพระเจ้า!

ถ้อยคำแห่งความเชื่อ

ขอบพระคุณพระเจ้าที่ประทานผลประโยชน์ให้แก่ฉันทุกวัน! พระองค์ได้ทำให้พระคุณทุกอย่าง ความโปรดปรานและพระพรฝ่ายโลกทุกประการมาหาฉันอย่างบริบูรณ์ จนฉันพอเพียงในตนเองเสมอและภายใต้ทุกสถานการณ์และความจำเป็นทุกอย่างมีเพียงพอจนไม่ต้องการความช่วยเหลือหรือการสนับสนุนใดๆ และได้รับการตกแต่งอย่างอุดมสมบูรณ์สำหรับงานที่ดีทุกอย่างและการบริจาคเพื่อการกุศล

ศึกษาเพิ่มเติม:1 ทิโมธี 6:17; 2 โครินธ์ 9:8; โรม 8:32