วันพุธที่ 19 กุมภาพันธ์      2020

จงมองจากที่สูง
See At A Higher Plane

เราไม่ได้มองในสิ่งที่มองเห็น แต่ในสิ่งที่มองไม่เห็น เพราะว่าสิ่งที่มองเห็นนั้นไม่ยั่งยืน แต่สิ่งที่มองไม่เห็นนั้นถาวรนิรันดร์ (2 โครินธ์ 4:18)

โดยพื้นฐานแล้วมนุษย์เป็นวิญญาณ และวิญญาณมีประสาทสัมผัสภายในเอง แต่คนส่วนใหญ่ไม่ได้ฝึกฝนประสาทสัมผัสภายใน ดังนั้นคุณจะพบว่าคนส่วนใหญ่คุ้นเคยกับสิ่งที่พวกเขาสามารถมองเห็นและรับรู้ในมิติฝ่ายโลกนี้ เพราะว่าพวกเขาได้รับการฝึกฝนเพื่ออธิบายสิ่งต่างๆ ด้วยประสาทสัมผัสตามธรรมชาติเท่านั้น นั่นเป็นวิธีที่จำกัดจริงๆ!

อย่าดำเนินชีวิตด้วยความจำกัดของประสามสัมผัสตามธรรมชาติของคุณ พระเจ้าบอกเราในพระคำของพระองค์ว่ามีสิ่งที่มากกว่าที่ประสาทของมนุษย์สามารถเข้าใจได้ พระองค์ตรัสว่า “เรา​จะ​เท​พระ​วิญ​ญาณ​ของ​เรา​บน​มนุษย์​ทั้ง​หมด บุตรา บุตรี​ของ​ท่าน​ทั้ง​หลายจะ​เผย​พระ​วจนะ บรร​ดา​คน​หนุ่ม​ของ​ท่าน​จะ​เห็น​นิมิต..”(กิจการ 2:17) เมื่อพระองค์ตรัสว่าคนหนุ่มจะเห็นนิมิต พระองค์กำลังพูดถึงความสามารถที่จะมองเห็นได้มากกว่าทั่วๆไป ความสามารถในการมองเห็นด้วยและจากวิญญาณของคุณ นั่นคือประสาทสัมผัสภายในของคุณ นั่นเป็นสาเหตุที่พวกเขาเรียกว่านิมิต เพราะว่าสิ่งที่คุณเห็นในมิตินั้น มนุษย์ธรรมดาเรียกว่าสิ่งที่มองไม่เห็น

ยกตัวอย่างเช่น การเผชิญหน้าของเด็กหนุ่มดาวิดกับโกลิอัท เขามั่นใจว่าจะสามารถคว่ำโกลิอัทได้ ถึงแม้ว่าคนอื่นจะกลัวเขา ทำไม? เขามองอย่างแตกต่าง เขามองผ่านพระคำว่าโกลิอัท ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาไม่สามารถเอาชนะกองทัพของอิสราเอลได้ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ดังนั้นเขาจึงพูดว่า “..คน​ฟีลิส​เตีย​ผู้​ไม่​ได้​เข้า​สุหนัต​คน​นี้​คือ​ใคร..?” (1 ซามูเอล 17:26) เขาเห็นสิ่งที่คนอื่นไม่สามารถมองเห็นได้ และนั่นคือสิ่งที่เราอ่านในข้อพระคัมภีร์ตอนเริ่มต้นของเรา เราไม่ได้มองสิ่งที่เห็นได้ชัดด้วยตาธรรมชาติ เพราะว่าสิ่งเหล่านี้ไม่มีรากฐาน

จงหยุดดูว่าคุณมีเงินเท่าไรในธนาคาร จงหยุดดูสถานการณ์ที่คุณอยู่หรือสิ่งที่คนอื่นพูดถึงคุณ จงดูสิ่งที่มองไม่เห็น! จงฝึกฝนตัวเองให้มองเห็นเกินกว่าโลกนี้ เกินกว่ากำแพงและสิ่งกีดขวางต่างๆ จงมองไปที่พระคำ จงมองโดยพระวิญญาณในระดับที่สูงขึ้น

ถ้อยคำแห่งความเชื่อ

ตาแห่งความเข้าใจของฉันล้นไหลไปด้วยแสงสว่าง ทำให้ฉันเห็นสิ่งที่มองไม่เห็นและเสริมกำลังฉันสำหรับสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ความคิดของฉันได้รับการเจิมเพื่อเห็นสิ่งที่ตาธรรมดาไม่สามารถมองเห็นได้ ฉันเห็นพระสิริ ชัยชนะ ความอุดมสมบูรณ์ และความเจริญรุ่งเรือง ฉันมองเกินกว่ากำแพงและสิ่งกีดขวางต่างๆ สรรเสริญพระเจ้า!

ศึกษาเพิ่มเติม:2 โครินธ์ 4:17-18; โยชูวา 6:1-2; โรม 12:2


วันจันทร์ที่ 17 กุมภาพันธ์  2020

พระคำของพระองค์ไม่เคยล้มเหลว
His Word Never Fails

ฟ้าและดินจะล่วงไป แต่บรรดาถ้อยคำของเราจะไม่สูญหายไปเลย (มัทธิว 24:35)

บางครั้งมีคนที่ทำงานเพื่อองค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยการสละเวลา ใช้พลังงานและทรัพยากร และหลังจากนั้นพวกเขาคิดว่ามันไม่ได้เกิดผลใดๆ ในชีวิตของพวกเขา พวกเขามองดูชีวิตของพวกเขาและคิดว่าพวกเขาไม่ได้ก้าวหน้าเท่าที่ควร อย่าอนุญาตให้ความคิดเช่นนั้นเกิดขึ้นในหัวใจของคุณ ผลลัพธ์ของการทำงานด้วยความรักในข่าวประเสริฐของคุณอาจไม่ปรากฏชัดต่อคุณทันที แต่คนอื่นๆ กำลังได้รับผลกระทบแน่ๆ

ลองคิดอย่างนี้: ยกตัวอย่างเช่น ผู้เผยพระวจนะสมัยก่อนหลายคนไม่เห็นผลลัพธ์จากคำเผยพระวจนะของพวกเขา แต่วันนี้เราเพลิดเพลินกับคำเผยพระวจนะบางอย่างที่พวกเขาให้ ในสมัยของพวกเขาจะต้องมีคนที่คิดว่าคำเผยพระวจนะของพวกเขาเป็นเท็จ เพราะว่าผู้เผยพระวจนะบางคนมีชีวิตและตาย และคำเผยพระวจนะของพวกเขาไม่ได้สำเร็จในวันเวลาของพวกเขา แต่ความจริงก็คือในหลายๆ กรณีผู้เผยพระวจนะบางคนไม่ได้กำลังพูดถึงวันเวลาของพวกเขา

ยกตัวอย่างเช่น โยเอลกล่าวว่า พระ​เจ้า​ตรัส​ว่า ใน​วาระ​สุด​ท้าย เรา​จะ​เท​พระ​วิญ​ญาณ​ของ​เรา​บน​มนุษย์​ทั้ง​หมด บุตรา บุตรี​ของ​ท่าน​ทั้ง​หลายจะ​เผย​พระ​วจนะ..” (กิจการ 2:17) คนที่มีชีวิตอยู่ในสมัยของเขาไม่รู้ว่าวาระสุดท้ายคืออะไร พวกเขาอาจถือว่าคำเผยพระวจนะของโยเอลเป็นเท็จ แต่ในเวลาที่กำหนดคำเผยพระวจนะนั้นก็สำเร็จ พระคัมภีร์กล่าวไว้ในกิจการ 2:1-4 ว่าอัครทูตทุกคนกำลังนั่งอยู่ในที่แห่งเดียวกัน ทันใดนั้นก็มีเสียงดังมาจากสวรรค์เหมือนเสียงพายุอันแรงกล้าและเติมบ้านที่พวกเขานั่งอยู่ทั้งหมดให้เต็ม และลิ้นเหมือนไฟกระจายเหนือพวกเขาทุกคน และพวกเขาทุกคนก็เต็มไปด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ ขอพระสิริจงมีแด่พระเจ้า!

อาจต้องใช้เวลาหลายปีกว่าที่คำเผยพระวจนะจะสำเร็จ และพระวิญญาณก็เตือนเปโตรผู้ยืนยันถ้อยคำนั้นว่า แต่​เหตุ​การณ์​นี้​เกิด​ขึ้น​ตาม​คำ​ที่​โย​เอล​ผู้​เผย​

พระ​วจนะ​กล่าว​ไว้​ (กิจการ 2:16) ฮาเลลูยา! อย่าคิดว่าการรับใช้ในองค์พระผู้เป็นเจ้าและในข่าวประเสริฐของคุณนั้นไร้ค่าเพียงเพราะคุณคิดว่าพระคำของพระองค์ที่มาถึงคุณไม่ได้เกิดขึ้น อย่าวอกแวก ผลลัพธ์อยู่ที่นั่น แม้แต่สิ่งที่คุณยังไม่ได้เห็นก็จะเกิดขึ้น ไม่สำคัญว่าใครจะพูดอะไรหรือสถานการณ์จะเป็นอย่างไร จงโฟกัสในการรับใช้องค์พระผู้เป็นเจ้าและมีความเชื่อที่แรงกล้าต่อไป จงเพ่งมองไปที่พระองค์ต่อไป พระคำของพระองค์เป็นจริงและไม่เคยล้มเหลว

คำอธิษฐาน

ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระคำของพระองค์ปักแน่นในสวรรค์เป็นนิตย์ตั้งแต่นิรันดร์ถึงนิรันดร์ พระองค์คือพระเจ้า! ฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลกจะล่วงไป แต่พระคำของพระองค์ไม่เคยล้มเหลว ดังนั้นข้าพระองค์โอบกอดความจริงที่เปี่ยมด้วยพระสิริที่พระองค์ได้พูดเกี่ยวกับข้าพระองค์ และข้าพระองค์ยึดถือและเดินไปในความเป็นจริงแห่งพระพรของข้าพระองค์ในพระคริสต์ ในพระนามพระเยซู อาเมน

ศึกษาเพิ่มเติม:สดุดี 119:89; ยากอบ 1:17; มัทธิว 24:35; อิสยาห์ 55:11


วันศุกร์ที่ 14 กุมภาพันธ์  2020       

ฤทธิ์อำนาจของพระเจ้ามีทิศทาง
God’s Power Is Directional

ส่วนเจ้าจงยกไม้เท้าของเจ้า แล้วยื่นมือออกไปเหนือทะเลและทำให้ทะเลนั้นแยกออก เพื่อคนอิสราเอลจะเดินผ่านทะเลบนดินแห้งได้ (อพยพ 14:16)

ครั้งหนึ่งในขณะที่ยังเป็นเด็กนักเรียนมัธยม ฉันกำลังทำพันธกิจที่โรงเรียนอีกแห่งหนึ่งกับหนุ่มสาว 500 คน ฉันยืนอยู่ข้างหน้าพวกเขาแล้วกล่าวว่า “พวกคุณกี่คนที่ต้องการรับพระวิญญาณบริสุทธิ์?” มือของทุกคนก็ยกขึ้น ดังนั้นฉันจึงพูดว่า “เอาล่ะ ในพระนามของพระเยซู จงรับพระวิญญาณบริสุทธิ์!” ฉันรอ แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ฉันอธิษฐานอีกครั้งและรอ แต่ก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น ในเวลานี้ฉันจำเป็นต้องรู้จากองค์พระผู้เป็นเจ้าว่าฉันควรทำอะไรจริงๆ ดังนั้นฉันจึงขอให้ทุกคนพูดกับองค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยการอธิษฐาน และในขณะที่พวกเขากำลังทำสิ่งนั้นอยู่ ฉันเองก็กำลังปรึกษากับองค์พระผู้เป็นเจ้าด้วย

ฉันพูดว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพระองค์พึ่งอธิษฐานให้พวกเขาได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์ และไม่มีอะไรเกิดขึ้น ข้าพระองค์ควรจะทำอย่างไรดี?” หลังจากนั้นอย่างรวดเร็วพระองค์พูดกับฉันว่า “อธิษฐานอีกครั้งและสัมผัสคนที่อยู่ใกล้คุณมากที่สุด” และฉันพูดว่า “ขอบคุณองค์พระผู้เป็นเจ้า!” หลังจากนั้นฉันก็ทำให้ที่ประชุมสงบลงและพูดว่า “จงรับพระวิญญาณบริสุทธิ์!” และเดินไปข้างหน้าเพื่อสัมผัสคนที่อยู่ใกล้ฉันมากที่สุด ทันใดนั้นคนหนุ่มสาวที่อยู่ในห้องโถงทั้งหมดก็ตกอยู่ใต้ฤทธิ์อำนาจและเต็มไปด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ ด้วยการพูดภาษาแปลกๆ ทุกที่!

นี่คือบทเรียนจากประสบการณ์นั้น นั่นคือฤทธิ์อำนาจของพระเจ้ามีทิศทาง ตามที่ได้อ่านในข้อพระคัมภีร์หลักของเรา พระเจ้าตรัสกับโมเสสว่า ..ยื่น​มือ​ออก​ไป​เหนือ​ทะเล​… ทำไม? เพราะว่าฤทธิ์อำนาจของพระเจ้าสามารถชี้นำได้ นอกจากนี้เมื่อเปโตรและยอห์นทำพันธกิจต่อคนที่ประตูพระวิหารที่เรียกว่าประตูงาม พระคัมภีร์กล่าวว่าเปโตรเพ่งมองชายคนนั้น (กิจการ 3:4) เขาชี้นำฤทธิ์อำนาจของพระเจ้าไปที่เขา และการอัศจรรย์ก็เกิดขึ้น

เมื่อใดก็ตามที่คุณจำเป็นต้องเหยียดมือไปในบางทิศทางหรือประชากรของพระเจ้ายื่นมือของพวกเขาเข้าหาคุณในการอธิษฐาน อย่าคิดว่าเป็นเรื่องที่ไม่จริงจัง มีบางอย่างเกี่ยวกับมือของเรา เมื่อเราเหยียดมือของเราออกไปที่ประเทศ เมือง ผู้คน หรือแม้กระทั่งสถานการณ์ และสภาพแวดล้อม ก็จะมีฤทธิ์อำนาจของพระเจ้าหลั่งไหลออกมาจากเราเหมือนขีปนาวุธ ถ้ามุ่งไปที่บุคคลก็จะมีการถ่ายเทพระคุณ การรักษาโรคที่พิเศษ หรือพระพรใดๆ ที่เรากำลังถ่ายเทให้ในเวลานั้น สรรเสริญพระเจ้า!

คำอธิษฐาน

พระบิดาในสวรรค์ที่รัก ขอบพระคุณสำหรับฤทธิ์อำนาจของพระองค์ที่กำลังทำงานในและผ่านข้าพระองค์อย่างมากมาย ข้าพระองค์อธิษฐานให้ลูกๆ ของพระองค์ทั่วโลกที่มีความทุกข์และเจ็บปวดที่พวกเขาจะได้รับการปลดปล่อยโดยฤทธิ์อำนาจแห่งพระวิญญาณของพระองค์ ฤทธิ์อำนาจของพระองค์ถูกส่งออกไปยังพวกเขาแม้ในขณะนี้เพื่อเสริมสร้างความเชื่อของพวกเขาสำหรับการอัศจรรย์ ในพระนามพระเยซู อาเมน

ศึกษาเพิ่มเติม:อพยพ 7:19; กิจการ 3:3-6; อพยพ 17:10-13


วันพฤหัสบดีที่ 13 กุมภาพันธ์  2020

เป็นเลิศในพระคุณแห่งการให้
Excel In The Grace Of Giving

ดังนั้นเมื่อพวกท่านเป็นเลิศในทุกสิ่ง คือในความเชื่อ ในฝีปาก ในความรู้ ในความกระตือรือร้น และความรักที่ท่านมีต่อเรา ท่านทั้งหลายก็จงเป็นเลิศในพระคุณแห่งการให้นี้ด้วย (2 โครินธ์ 8:7 ฉบับ NIV)

คริสเตียนทุกคนควรมีความกระตือรือร้นในงานของพระเจ้าและทุ่มเททรัพยากรของพวกเขาในการผลักดันและเผยแพร่ข่าวประเสริฐไปทั่วโลก แต่โดยปกติแล้วจะมีคนที่ร้อนรนมากกว่าคนอื่นๆ พวกเขาเป็นคนที่เปาโลอ้างถึงในข้อพระคัมภีร์หลักของเรา นั่นคือพวกเขาเป็นเลิศในพระคุณแห่งการให้

การให้เป็นพระคุณ เป็นของประทานฝ่ายวิญญาณอย่างหนึ่งในพระคัมภีร์ สิ่งที่ทำให้สิ่งนี้เป็นฝ่ายวิญญาณก็เพราะว่าพระเจ้าทรงเป็นผู้ให้ความสามารถ โรม 12: 6-8 กล่าวว่า และ​เรา​ทุก​คน​มี​ของ​ประ​ทาน​ต่าง​กัน ตาม​พระ​คุณ​ที่​ประ​ทาน​แก่​เรา คือ​ถ้า​ของ​ประ​ทาน​เป็น​การ​เผย​พระ​วจนะ ก็​จง​เผย​ตาม​กำ​ลัง​ของ​ความ​เชื่อ…ผู้​ที่​ให้ ก็​จง​ให้​ด้วย​ใจ​กว้าง​ขวาง…” โปรดระลึกว่าเขาได้กล่าวไว้แล้วว่าเมื่อได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์ เราทุกคนก็จะเผยพระวจนะ” พระ​เจ้า​ตรัส​ว่า ใน​วาระ​สุด​ท้าย เรา​จะ

​เท​พระ​วิญ​ญาณ​ของ​เรา​บน​มนุษย์​ทั้ง​หมด บุตรา บุตรี​ของ​ท่าน​ทั้ง​หลายจะ​เผย​พระ​วจนะ (กิจการ 2:17) อย่างไรก็ตามพระคำกล่าวว่า “..ให้​อีก​คน​หนึ่ง​เผย​พระ​วจนะ (1 โครินธ์ 12:8-9) ถึงแม้ว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์จะทำให้ทุกคนสามารถเผยพระวจนะและเห็นนิมิตได้

ในทำนองเดียวกันทุกคนสามารถที่จะให้ แต่พระคุณแห่งการให้เป็นของประทานอย่างหนึ่ง และพระคัมภีร์กล่าวว่า “..จง​ขวน​ขวาย​ของ​ประ​ทาน​ต่างๆ ที่​ยิ่ง​ใหญ่​ที่สุด ดังนั้นจึงเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ที่จะอยากได้และปรารถนาที่จะเป็นเลิศในพระคุณแห่งการให้ คุณจะพัฒนาความสามารถในการใช้ของประทานของพระเจ้าทุกอย่างด้วยการฝึกฝน ดังนั้นจงฝึกฝนด้วยการให้สิ่งที่ดีที่สุดของคุณ สิ่งนี้มาพร้อมกับพระพรจำนวนมากมายและการเลื่อนขั้นของพระวิญญาณ สรรเสริญพระเจ้า!

คำอธิษฐาน

พระบิดาผู้ทรงล้ำค่า ขอบพระคุณที่ทรงประทานความเข้าใจในพระคำของพระองค์ให้แก่ข้าพระองค์ในตอนนี้ ขอบพระคุณที่ทำให้พระคุณทุกอย่าง ความโปรดปรานและพระพรฝ่ายโลกทุกอย่าง มาถึงข้าพระองค์อย่างมากมายเพื่อที่ข้าพระองค์จะพอเพียงในตัวเองเสมอ ในทุกสถานการณ์ และในความจำเป็นทุกอย่าง ด้วยการครอบครองอย่างเพียงพอจนไม่ต้องการความช่วยเหลือหรือการสนับสนุนใดๆ นั่นคือได้รับการตกแต่งอย่างอุดมสมบูรณ์สำหรับงานที่ดีทุกอย่าง

 ในพระนามพระเยซู อาเมน

ศึกษาเพิ่มเติม:โรม 12:6-8; ลูกา 8:1-3; 2 โครินธ์ 8:9-10


วันพุธที่ 12 กุมภาพันธ์  2020

เป็นพยานถึงความดีงามของพระองค์
Testify Of His Goodness

เมื่อผู้หญิงคนนั้นเห็นว่าไม่สามารถจะซ่อนตัวต่อไปได้แล้ว นางก็ตัวสั่นเข้ามาหมอบกราบพระองค์ ทูลพระองค์ต่อหน้าทุกคนว่า นางแตะต้องพระองค์เพราะสาเหตุอะไรและหายโรคได้ในทันที (ลูกา 8:47)

พระเจ้าต้องการให้เราเป็นพยานถึงความดีงามของพระองค์เสมอ เมื่อคุณเป็นพยานถึงสิ่งที่พระเจ้าทำในชีวิตของคุณ คุณก็กำลังเชื่อมโยงตัวเองเข้ากับงานที่ยิ่งใหญ่ขึ้นของพระเจ้าสำหรับอนาคตของคุณ ยกตัวอย่างเช่นสิ่งที่เราอ่านในลูกา 8 ของผู้หญิงที่มีปัญหาเรื่องเลือดที่แตะชายฉลองพระองค์ขององค์เจ้านาย พระคัมภีร์บอกเราว่า “เธอรู้สึกในร่างกายของเธอว่าเธอหายจากโรคนั้น”

หลังจากที่เธอได้รับการรักษาเธอก็กำลังจะแอบหนีไป แต่พระเยซูตรัสว่า มี​คน​หนึ่ง​แตะ​ต้อง​ตัว​เรา เพราะ​เรา​รู้​สึก​ได้​ว่า​ฤทธิ์​ซ่าน​ออก​จาก​ตัว​เรา (ลูกา 8:46) หลังจากนั้นเธอก็ออกมาจากซ่อนตัวของเธอและ “ป่าวประกาศต่อพระองค์ต่อหน้าประชาชนทุกคนถึงสาเหตุที่เธอได้สัมผัสพระองค์และการที่เธอหายโรคทันที” ทำไมพระเยซูไม่ทรงนิ่งเงียบและปล่อยเธอไปโดยไม่ต้องเป็นพยาน? เพราะว่าผ่านทางคำพยานของคุณคุณจะเก็บรักษาสิ่งที่พระเจ้ามอบให้แก่คุณไว้ได้

เธออาจสูญเสียการอัศจรรย์ระหว่างทางกลับบ้านหรือหลังจากนั้นไม่นาน แต่พระเยซูต้องการให้เธอเก็บรักษาการอัศจรรย์ไว้ได้ เพราะว่าถ้อยคำแห่งความเชื่อนำซึ่งการครอบครอง เมื่อพระเจ้าทรงทำบางสิ่งให้คุณ วิธีที่จะเก็บรักษามันไว้คือการบอกเล่าถึงสิ่งนั้น นั่นคือหลักการของพระคำของพระเจ้า เราเห็นตัวอย่างอีกอย่างหนึ่งเมื่อพระเยซูทรงรักษาชายที่ถูกผีเข้าสิงที่กาดารา พระคัมภีร์กล่าวว่า คน​ที่​ผี​ออก​จาก​ตัว​แล้ว​นั้นก็​ขอไปกับ​พระ​องค์…”(ลูกา 8:38 ฉบับ NIV) แต่พระเยซูทรงแนะนำเขาด้วยการพูดว่า จง​กลับ​ไป​ที่บ้าน​ของ​ท่าน​และ​เล่า​ให้​ชาว​เมือง​ฟัง​ถึง​สิ่ง​ที่​พระ​เจ้า​ทรง​ทำ​ต่อ​ท่าน พระคัมภีร์กล่าวว่า เขา​ก็​ไป​และ​ประ​กาศ​ให้​คน​ทั้ง​เมือง​ทราบ​ถึง​เหตุ​การณ์​ยิ่ง​ใหญ่​ที่​พระ​เยซู​ทรง​ทำ​ต่อ​เขา (ลูกา 8:39)

จงเป็นพยานถึงสิ่งที่องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทำและกำลังทำในชีวิตของคุณ คริสตจักร พันธกิจของคุณ ครอบครัวของคุณ และในชีวิตของคนที่อยู่รอบข้างคุณเสมอ จงเป็นพยานกับตัวเอง จงเป็นพยานต่อพวกทูตสวรรค์ จงเป็นพยานในทุกที่ที่คุณไป! ผู้เขียนสดุดีกล่าวว่า “คน​รุ่น​หนึ่ง​จะ​ยก​ย่อง​พระ​ราช​กิจ​ของ​พระ​องค์ ให้​คน​อีก​รุ่น​หนึ่ง​ฟัง และ​จะ​ประ​กาศ​กิจ​การ​อัน​ทรง​อา​นุ​ภาพ​ของ​พระ​องค์ ข้า​พระ​องค์​จะ​ตรึก​ตรอง​ถึง​ความ​ยิ่ง​ใหญ่​ใน​ศักดิ์​ศรี​อัน​สูง​ส่ง​ของ​พระ​องค์ และ​ตรึก​ตรอง​ถึง​การ​อัศ​จรรย์​ต่างๆ ของ​พระ​องค์ (สดุดี 145:4-5) จงป่าวประกาศถึงความดีงามขององค์พระผู้เป็นเจ้า นั่นคือการงานที่เปี่ยมด้วยพระสิริของพระองค์ในงาน ธุรกิจและการเงินของคุณ ฮาเลลูยา!

ถ้อยคำแห่งความเชื่อ

องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระคุณและใจดีต่อฉัน ฉันจะพูดถึงความดีงามของพระองค์และหมายสำคัญที่อัศจรรย์และการอัศจรรย์ในชีวิตของฉัน! ฉันเป็นพยานถึงพระหัตถ์อันยิ่งใหญ่ของพระองค์ต่องาน ธุรกิจ การเงิน และทุกด้านในชีวิตของฉัน! ฉันจะตะโกนบนยอดเขาและร้องเพลงสรรเสริญทุกที่ที่ฉันไป เพราะว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าดี และฉันจะไม่เงียบเลย ฮาเลลูยา!

ศึกษาเพิ่มเติม:ดาเนียล 4:2-3; สดุดี 22:22; สดุดี 71:16-17; มาระโก 5:19-20