พุธ ที่ 5 กันยายน 2018
การเสียสละของพระองค์นั้นเพียงพอ
HIS SACRIFICE WAS ENOUGH

“บรรดาผู้เผยพระวจนะ… ก็ได้สืบค้นและสอบถามเกี่ยวกับเรื่องความรอดนี้ เขาได้สืบค้นหาบุคคลและเวลาซึ่งพระวิญญาณของพระคริสต์ผู้ทรงสถิตอยู่ในตัวเขาได้ทรงบ่งไว้ เมื่อเขาได้ทำนายถึงความทุกข์ทรมานของพระคริสต์และถึงพระสิริที่จะมาภายหลัง” (1 เปโตร 1:10-11)

     ชีวิตแห่งพระสิริเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นภายหลังการทนทุกข์ของพระคริสต์ ไม่มีคริสเตียนคนใดที่จำเป็นต้อง “จ่าย” ราคาพิเศษ นอกเหนือจากสิ่งที่พระคริสต์ได้ทำแล้วเพื่อจะมีชีวิตที่งดงามและเป็นทุกสิ่งที่พระเจ้าต้องการให้เขาเป็น การเสียสละของพระองค์นั้นเพียงพอ ผ่านการเสียสละนั้นเราได้กลายเป็นหนึ่งเดียวกันกับพระเจ้า เดี๋ยวนี้เราได้เป็นผู้มีส่วนในชีวิตและความชอบธรรมของพระองค์ สิ่งที่พระองค์ทรงคาดหวังจากคุณในเวลานี้ คือการที่คุณจะชื่นชมกับชีวิตของคุณ และดำเนินชีวิตให้ดีที่สุดเพื่อพระสิริของพระเจ้า

ก่อนการสิ้นพระชนม์ของพระองค์บนไม้กางเขน พระเยซูตรัสว่า “สำเร็จแล้ว” (ยอห์น 19:30) พระองค์ประกาศถึงการสิ้นสุดของการทนทุกข์ของมนุษย์ทุกคน ใครก็ตามที่เชื่อในพระองค์และยอมรับการเสียสละแทนของพระองค์ก็ถูกนำเข้าไปสู่ชีวิตแห่งพระสิริที่เหนือธรรมชาติอย่างอัตโนมัติ ใช่ พระคริสต์ได้ทนทุกข์เพื่อเรา แต่การทนทุกข์นั้นได้นำชีวิตนิรันดร์ และความชอบธรรมมาให้แก่เรา

ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องนี้ไม่ได้จบที่การตายของพระองค์ พระคัมภีร์กล่าวว่า “…มีคำเขียนไว้อย่างนั้นว่า พระคริสต์จะต้องทรงทนทุกข์ทรมาน และทรงเป็นขึ้นมาจากความตายในวันที่สาม …” (ลูกา 24:46-47) ดังนั้นแทนที่จะคร่ำครวญ เราเฉลิมฉลองความตายของพระองค์เพื่อเรา ยิ่งกว่านั้นเราเฉลิมฉลองการเป็นขึ้นมาจากความตายของพระองค์ซึ่งประทานชีวิตใหม่ให้แก่เรา และทำให้เราเป็นหุ้นส่วนประเภทเดียวกับพระเจ้า

พระเจ้าต้องการให้คุณดำเนินชีวิตทุก ๆ วันในชัยชนะของความตาย, การถูกฝัง และการเป็นขึ้นมาจากความตายอย่างเต็มไปด้วยพระสิริของพระเยซูคริสต์ นี่หมายความว่าถ้าคุณยังคงนอนรอความตาย นี่เป็นเวลาที่จะลุกขึ้น เพราะว่าการทนทุกข์ของพระองค์ได้ทำให้ความเจ็บป่วย, โรคภัยไข้เจ็บ และความอ่อนแอมาถึงจุดจบแล้ว เช่นเดียวกับที่ความตายและหลุมฝังศพไม่สามารถยึดพระองค์ไว้ได้ ก็ไม่มีความมืดใดที่สามารถใช้อิทธิพลหรือควบคุมคุณได้ จงปฏิเสธที่จะอนุญาตให้สิ่งใดทำให้คุณอยู่ในพันธนาการ

จงปฏิเสธที่จะอนุญาตให้ความยากจนยึดคุณไว้ เพราะว่าพระเยซูได้เข้าไปแทนที่ความยากจนของคุณบนไม้กางเขน และได้ประทานความเจริญรุ่งเรืองให้แก่คุณแล้ว (2 โครินธ์ 8:9) ถ้าคุณปรารถนาที่จะมีลูก แต่ไม่สามารถมีได้เพราะว่ามีสิ่งที่ผิดปกติในครรภ์ของคุณ การเปลี่ยนแปลงได้มาถึงแล้ว! เดี๋ยวนี้คุณสามารถมีลูกได้เนื่องจากชัยชนะแห่งการเสียสละของพระคริสต์ ขอพระสิริจงมีแด่พระนามของพระองค์ตลอดไป! ทุกสิ่งเป็นไปได้ในพระนามที่ทรงฤทธิ์ของพระองค์ อาเมน

คำอธิษฐาน

     พระบิดา ข้าพระองค์ขอบพระคุณสำหรับชีวิตของพระองค์ที่อยู่ในข้าพระองค์ ซึ่งเป็นไปได้โดยการเป็นขึ้นมาจากความตายของพระคริสต์ ข้าพระองค์ขอบพระคุณที่พระองค์ทรงรักข้าพระองค์ และทรงปิติยินดีในความเจริญรุ่งเรืองและความผาสุกของข้าพระองค์ ข้าพระองค์ดำเนินชีวิตในชัยชนะของพระคริสต์ ในพระนามพระเยซู อาเมน
ศึกษาเพิ่มเติม: มาระโก 10:45; ทิตัส 3:5


อังคาร ที่ 4 กันายน 2018
การให้ และการรับ
GIVING AND RECEIVING

“และพวกท่านชาวฟีลิปปีก็รู้แล้วว่าเมื่อข้าพเจ้าออกจากแคว้นมาซิโดเนียในช่วงเริ่มแรกของการประกาศข่าวประเสริฐนั้น ไม่มีคริสตจักรใดมีส่วนร่วมกับข้าพเจ้าในรายรับรายจ่ายนอกจากท่านพวกเดียว” (ฟิลิปปี 4:15)

     บางครั้งมีคนที่ตื่นเต้นมาก ๆ เมื่อเราพูดว่า “ในการให้ต่อองค์พระผู้เป็นเจ้านั้น “ขนาด” ของเมล็ดเป็นสิ่งที่ไม่สำคัญ” แต่พระคัมภีร์กล่าวว่า “…นี่แหละ คนที่หว่านเพียงเล็กน้อยก็จะเก็บเกี่ยวได้เพียงเล็กน้อย คนที่หว่านมากก็จะเก็บเกี่ยวได้มาก” (2 โครินธ์ 9:6)

กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ ถ้าคุณตระหนี่ในการให้ คุณก็จะเก็บเกี่ยวอย่างเล็กน้อยหรือขาดแคลน แต่ถ้าคุณให้ด้วยใจกว้างขวาง คุณก็จะเก็บเกี่ยวอย่างกว้างขวางด้วย นั่นคือพระวจนะซึ่งเป็นกฎฝ่ายวิญญาณ การหว่านและการเก็บเกี่ยวเป็นสิ่งที่เรียบง่ายเหมือนอย่างที่เปาโลได้กล่าวไว้ในข้อพระคัมภีร์ตอนเริ่มต้นเรื่อง “การให้ และการรับ” คุณไม่จำเป็นต้อง “อธิษฐาน” ให้พระเจ้าทำให้กฎเกณฑ์ซึ่งพระเจ้าได้ทรงตั้งไว้เกิดผล กฎเกณฑ์ใด ๆ ก็ตามซึ่งใช้อย่างถูกต้องจะผลิตผลที่จำเป็นให้เกิดขึ้น เช่นเดียวกันถ้าคุณใช้พวกมันอย่างผิด ๆ พวกมันก็จะเกิดผลร้ายต่อคุณ

มีบางสิ่งที่คุณไม่จำเป็นต้องวิงวอนให้พระเจ้าทำให้เกิดขึ้น เมื่อคุณปฏิบัติตามพระวจนะหรือตามกฎเกณฑ์ฝ่ายวิญญาณ นี่เป็นสิ่งที่ชัดเจนในคำอุปมาบางเรื่องของพระเยซูในเรื่องที่ว่าแผ่นดินของพระเจ้าทำงานอย่างไร ยกตัวอย่างเช่นพระองค์ตรัสไว้ในมาระโก 4:26-28 ว่า “แผ่นดินของพระเจ้าเปรียบเหมือนคนหนึ่งหว่านพืชลงในดิน กลางคืนเขาก็นอนหลับ และกลางวันก็ตื่นขึ้น พืชนั้นจะงอกขึ้นหรือเติบโตอย่างไรเขาไม่รู้ เพราะแผ่นดินเองทำให้พืชงอกงามโดยขึ้นเป็นลำต้นก่อน ภายหลังก็ออกรวง แล้วก็มีเมล็ดข้าวเต็มรวง”

สังเกตว่าพระองค์ไม่ได้ตรัสว่าหลังจากหว่านเมล็ดพืชลงไปแล้ว คนนี้ก็อดอาหารและอธิษฐานเพื่อให้มันเติบโต ไม่! แต่เขาไปนอน และเมล็ดพืชเติบโตและเกิดผลด้วยตัวของมันเอง เมื่อคุณใช้กฎของการหว่าน มันก็เกิดผล พระคัมภีร์ตรัสว่า “โลกยังดำรงอยู่ตราบใด จะมีฤดูหว่านกับฤดูเกี่ยว เวลาเย็นกับเวลาร้อน ฤดูร้อนกับฤดูหนาว และมีวันและคืนเรื่อยไป ตราบนั้น” (ปฐมกาล 8:22) ตราบใดที่ยังมีเวลาหว่านก็หมายความว่าการเก็บเกี่ยวเป็นสิ่งที่แน่นอน และสามารถเกิดขึ้นเมื่อไรก็ได้ ฤดูเกี่ยวเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างอัตโนมัติ

พระเจ้าไม่ได้เป็นผู้ทำให้การเก็บเกี่ยวเกิดขึ้น ทั้งหมดที่พระองค์ทำก็คือ ทำให้พระคุณและความโปรดปรานของพระองค์ไหลไปที่คุณ เพื่อความอุดมสมบูรณ์ 2 โครินธ์ 9:8 (AMPC) กล่าวว่า “และพระเจ้าทรงสามารถทำให้พระคุณทุกอย่าง (ความโปรดปราน และพระพรฝ่ายโลกทุกประการ) มาถึงท่านอย่างอุดมสมบูรณ์ เพื่อให้ท่านมีทุกสิ่งทุกอย่างเพียงพอสำหรับตัวเสมอ ในทุกสถานการณ์ [เป็นเจ้าของอย่างเพียงพอ จนไม่ต้องการความช่วยเหลือ หรือการสนับสนุน ทั้งจะมีสิ่งของบริบูรณ์สำหรับงานที่ดีทุกอย่าง และสำหรับการบริจาคเพื่อการกุศล]” ด้วย จงให้อย่างกว้างขวางเสมอเพราะพระสัญญาเป็นของผู้ให้ ไม่ใช่ผู้รับ (ลูกา 6:38)

คำอธิษฐาน

     พระบิดาในสวรรค์ ข้าพระองค์ขอบพระคุณสำหรับสิทธิพิเศษของการให้ต่อพระกิตติคุณ ข้าพระองค์ได้รับการอวยพรในทุกสิ่งที่ข้าพระองค์ทำ และทุกสิ่งที่ข้าพระองค์ทำก็เจริญรุ่งเรืองเพราะว่าข้าพระองค์เป็นผู้ให้ ข้าพระองค์มีเมล็ดที่จะหว่านเพื่อการเผยแพร่พระกิตติคุณของพระคริสต์ไปถึงทุกแห่งในโลกนี้เสมอ และเมื่อข้าพระองค์หว่าน การเก็บเกี่ยวก็เป็นสิ่งที่แน่นอนสำหรับข้าพระองค์ ในพระนามพระเยซู อาเมน

ศึกษาเพิ่มเติม: 2 พงศาวดาร 16:9; ปัญญาจารย์11:6; 1 เปโตร 5:7


จันทร์ ที่ 3 กันยายน 2018
ยิ่งกว่าคนที่ได้รับพระพร
MORE THAN A BLESSED MAN

“พระเจ้าตรัสแก่อับรามว่า… เราจะให้เจ้าเป็นชนชาติใหญ่ เราจะอวยพรแก่เจ้า จะให้เจ้ามีชื่อเสียงใหญ่โตเลื่องลือไป แล้วเจ้าจะช่วยให้ผู้อื่นได้รับพร” (ปฐมกาล 12:1-2)

     พระเจ้าไม่ได้แค่เพียงอวยพรอับราฮัม พระองค์ทรงกระทำให้เขาเป็นพระพร ยกตัวอย่างเช่นโลทหลานชายของเขา ได้รับการอวยพรจากพระเจ้า เพราะเขาติดตามอับราฮัม “ฝ่ายโลทที่ไปกับอับรามนั้น มีฝูงแพะ แกะ และฝูงโคกับเต็นท์ด้วย ที่ดินที่นั่นไม่กว้างขวางพอให้เขาทั้งสองอยู่ด้วยกันหมดได้ เพราะฝูงสัตว์ของเขาทั้งสองมีอยู่มาก จึงอยู่ด้วยกันไม่ได้ ” (ปฐมกาล 13:5-6) คิดถึงสิ่งนี้! โลทร่ำรวยมาก เพราะเขาเกี่ยวข้องกับอับราฮัม

ถ้าคุณบังเกิดใหม่สิ่งนี้ก็เป็นจริงกับคุณด้วย เพราะว่าคุณเป็นพงศ์พันธุ์ของอับราฮัม “…และถ้าท่านทั้งหลายเป็นของพระคริสต์แล้ว ท่านก็เป็นพงศ์พันธุ์ของอับราฮัมคือเป็นทายาทตามพระสัญญา” (กาลาเทีย 3:29) พระพรทั้งหมดที่พระเจ้ามอบให้แก่อับราฮัม เดี๋ยวนี้เป็นของคุณในพระเยซูคริสต์ คุณเป็นภาชนะบรรจุพระพรของพระเจ้า! การดำเนินชีวิตด้วยการตระหนักรู้ถึงสิ่งนี้จะขจัดความรู้สึกของความขัดสนและความขาดแคลนออกไปจากชีวิตของคุณ

พระเจ้าไม่ต้องการให้คุณขัดสน พระองค์ได้ทรงทำให้ทุกสิ่งเป็นของคุณแล้ว (2 โครินธ์ 3:21) โรม 8:17 กล่าวว่าคุณเป็นทายาทของพระเจ้าและทายาทร่วมกับพระคริสต์ ไม่มีสิ่งใดที่คุณไม่มีและไม่สามารถทำได้ คุณไม่ควรรู้สึกขัดสนสิ่งใด ๆ เลย! พระองค์ได้นำคุณไปสู่ที่กว้างขวางซึ่งเป็นสถานที่ของความมั่งคั่งของพระเจ้า ดังนั้น จงเป็นพระพรอย่างที่พระเจ้าทรงลิขิตให้คุณเป็น

คุณเป็นจุดเชื่อมโยงของพระพรให้แก่โลกของคุณ เมื่อพระองค์ต้องการที่จะอวยพรบางคน พระองค์ชี้ไปที่คุณ คุณเป็นเพื่อนร่วมงานของพระองค์และช่องทางของพระพรไปสู่โลกของคุณ ใครก็ตามสามารถได้รับพระพรหรือการอัศจรรย์จากองค์พระผู้เป็นเจ้าได้โดยแค่เพียงมาเกี่ยวข้องกับคุณ

ยกตัวอย่างเช่นไม่ว่าบางคนจะทนทุกข์จากความเจ็บป่วยจากโรคอะไรก็ตาม เขาหรือเธอสามารถหายได้ ถ้าเขาแค่เพียงสัมผัสคุณ นั่นเป็นเพราะว่าคุณคือบ้านของพระเจ้า เป็นพระวิหารที่มีชีวิตของพระเจ้า (1 โครินธ์ 3:16) คุณเป็นศูนย์รวมของความเต็มล้นแห่งพระพรของพระเจ้า ฮาเลลูยา!

คำอธิษฐาน

     องค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพระองค์ขอบพระคุณที่ได้อวยพรข้าพระองค์ด้วยพระพรฝ่ายวิญญาณทุกประการในสวรรค์สถานในพระเยซูคริสต์ ข้าพระองค์ตระหนักรู้ว่าข้าพระองค์ได้รับการอวยพรและมีทุกสิ่ง ทั้งในชีวิต และทางธรรม ดังนั้นข้าพระองค์ดำเนินชีวิตที่เต็มไปด้วยพระสิริด้วยการแจกจ่ายพระพรของข้าพระองค์ให้แก่โลกของข้าพระองค์ ในพระนามพระเยซู อาเมน

ศึกษาเพิ่มเติม: กาลาเทีย 4:1-5; เอเฟซัส 1:3


อาทิตย์ ที่ 2 กันยายน 2018
พระวิญญาณทำให้เกิดความแตกต่าง
THE SPIRIT MAKES THE DIFFERENCE

“ในบรรดาเรื่องราวอันเกี่ยวกับปัญญาและความรอบรู้ซึ่งพระราชาตรัสถามเขาทั้งหลาย ทรงเห็นว่าเขาทั้งหลายดีกว่าพวกโหร และพวกหมอดู ซึ่งอยู่ในอาณาจักรทั้งสิ้นของพระองค์สิบเท่า” (ดาเนียล 1:20)

Continue reading


เสาร์ ที่ 1 กันยายน 2018
ผู้แจกจ่ายพระพรของพระเจ้า
DISPENSERS OF DIVINE BLESSINGS

“เราจะรอดพ้นได้อย่างไร? ถ้าเราละเลยความรอดอันยิ่งใหญ่เช่นนี้ ความรอดนั้นได้เริ่มขึ้นโดยการประกาศขององค์พระผู้เป็นเจ้า และบรรดาผู้ที่ได้ยินพระองค์ก็รับรองกับเราว่าเป็นความจริง ทั้งนี้พระเจ้าก็ทรงเป็นพยานด้วยโดยหมายสำคัญ และการอัศจรรย์ และการอิทธิฤทธิ์ต่าง ๆ นานา และโดยของประทานจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ตามพระประสงค์ของพระองค์” (ฮีบรู 2:3-4)

Continue reading