วันพฤหัสบดีที่ 31 ตุลาคม 2019

เราไม่สามารถทิ้งพวกเขาได้
We Can’t Leave Them Alone

“แต่ถ้าแม้ข่าวประเสริฐของเรายังถูกปิดบังไว้อีก ก็ถูกปิดบังไว้จากพวกที่กำลังจะพินาศ คือในกรณีของพวกเขา พระของยุคนี้ได้ทำให้ความคิดของคนที่ไม่เชื่อมืดมนไป เพื่อไม่ให้เห็นความสว่างของข่าวประเสริฐ คือเรื่องพระสิริของพระคริสต์ผู้ทรงเป็นพระฉายาของพระเจ้า” (2 โครินธ์ 4:3-4)

     บางครั้งเมื่อเรานึกถึงบางคนในสภาพบางอย่าง เราคาดหวังว่าพวกเขาต้องการการเปลี่ยนแปลง แต่ไม่ได้เป็นเช่นนั้นเสมอไป บางคนจะบอกคุณว่า “กรุณาปล่อยฉันไว้อย่างนี้ ฉันไม่ต้องการข่าวประเสริฐ ฉันสบายดี” แต่เรารู้ว่าพวกเขาไม่ได้สบายดี ดังนั้นเราจึงไม่สามารถปล่อยพวกเขาได้ เราเข้าใจปัญหาของพวกเขา ข้อพระคัมภีร์ตอนเริ่มต้นของเรากล่าวอย่างชัดเจนว่า “พระของยุคนี้ได้ทำให้ความคิดของคนที่ไม่เชื่อมืดมนไป”

พวกเขาอาจทำทุกอย่างเพื่อหยุดเราไม่ให้นำข้อความนั้นมาถึงพวกเขา แต่เราจะไม่ยอมแพ้ เราจะอธิษฐานเผื่อพวกเขาต่อไปและหาทุกวิถีทางเพื่อนำข้อความนั้นไปถึงพวกเขา ในเอเสเคียล 3:17-18 พระเจ้าตรัสว่า “บุตรมนุษย์เอ๋ย เราได้ตั้งเจ้าให้เป็นยามของพงศ์พันธุ์อิสราเอล เมื่อเจ้าได้ยินถ้อยคำจากปากของเรา เจ้าจงกล่าวคำตักเตือนจากเราแก่พวกเขา…” พระเจ้าได้ทรงทำให้คุณเป็นคนยามของคนบาปในโลกของคุณ ดังนั้นจงให้ความปรารถนาที่จะประกาศนำดวงวิญญาณเหมือนไฟไหม้อัดอยู่ในกระดูกของของคุณ (เยเรมีย์ 20:9)

อย่าหันหลังให้กับคนที่อยู่รอบข้างคุณที่ยังไม่รอด องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงมอบหมายให้คุณนำพวกเขามาสู่ความรอด บางคนอาจเป็นศัตรูและไม่รับข้อความนั้น แต่อย่ายอมแพ้ สำหรับพวกเขาหลายคนสิ่งที่จำเป็นต้องทำก็คือการผลักดันอีกเล็กน้อย การประกาศอีกเล็กน้อยและเวลาในการอธิษฐานวิงวอนของคุณ เหมือนกับพวกเราแน่นอนว่าวันหนึ่งพวกเขาก็จะถูกเหวี่ยงออกจากความมืดเข้าสู่ความสว่างและเข้าไปสู่เสรีภาพอันเปี่ยมด้วยพระสิริของบุตรทั้งหลายของพระเจ้า ฮาเลลูยา!

คำอธิษฐาน

     พระบิดาที่เปี่ยมด้วยพระคุณ ขอบพระคุณที่ทำให้ข้าพระองค์เป็นพันธกรแห่งความชอบธรรมที่มีประสิทธิภาพ ข้าพระองค์ป่าวประกาศว่าซาตาน เจ้าแห่งย่านอากาศถูกขนาบแล้ว และอิทธิพลของมันถูกทำลายในชีวิตของคนเหล่านั้นที่ลูกๆ ของพระองค์ทั่วโลกจะประกาศข่าวประเสริฐในวันนี้ ขอบพระคุณสำหรับคำพยานแห่งความรอดที่ถูกบันทึกไว้ทั่วโลก ในพระนามของพระเยซู

ศึกษาเพิ่มเติม: 2 เธสะโลนิกา 3:1-2; 2 เปโตร 3:9; 1 ทิโมธี 2:3-4; เอเสเคียล 22:30


Comments are closed