วันพุธที่ 22 เมษายน 2020
อย่าทำให้ความเชื่อของคุณเป็นโมฆะ
Don’t Void Your
Faith
“ถ้าเขาเหล่านั้นที่ถือตามธรรมบัญญัติจะเป็นทายาท ความเชื่อก็ไม่มีประโยชน์อะไร และพระสัญญาก็เป็นอันไร้ประโยชน์” (โรม 4:14)
ความเชื่อสามารถถูกทำให้เป็นโมฆะได้หรือไม่? ได้อย่างแน่นอน! มีคนที่ทำให้ความเชื่อของพวกเขาเป็นโมฆะและพระสัญญาของพระเจ้าไม่เกิดผลในชีวิตของพวกเขา ยกตัวอย่างเช่น ในมาระโก 7:13 พระเยซูตำหนิคนยิวที่ทำให้พระคำของพระเจ้าไร้ผลโดยธรรมเนียมของพวกเขา “ธรรมเนียม” ในที่นี่หมายถึงวิถีชีวิต วัฒนธรรมส่วนบุคคล และสิ่งที่คุณเชื่อ ถ้าสิ่งเหล่านี้ไม่สอดคล้องกับพระคำของพระเจ้า คุณก็ทำให้พระคำไม่มีผลในชีวิตของคุณ และความเชื่อของคุณก็เป็นโมฆะ
บางคนพยายามทำให้ความเชื่อของพวกเขาเกิดผลที่ดี แต่ไม่ได้ผล เพราะว่าพวกเขาทำให้ความเชื่อเป็นโมฆะโดย “ธรรมเนียม” ของพวกเขา สิ่งที่พวกเขาควรทำก็คือเปลี่ยน “ธรรมเนียม” ของพวกเขา นั่นคือรับความคิดใหม่ ซึ่งก็คือความคิดแห่งสติปัญญาของพระเจ้า
การไว้วางใจในการงานของคุณเองก็ทำให้ความเชื่อของคุณเป็นโมฆะด้วย ถ้าคุณคิดว่าคุณมีสุขภาพดี และประสบความสำเร็จ และได้รับพระพร เพราะว่าคุณทำบางสิ่งที่ถูกต้อง และตอนนี้คุณไว้วางใจในสิ่งเหล่านั้นมากและทำอย่างเคร่งครัดในศาสนา เพราะว่าคุณคิดว่าพิธีกรรมนั้นเป็นที่มาแห่งพระพรของคุณ ความเชื่อของคุณก็ถูกทำให้เป็นโมฆะ จงระลึกถึงคำพูดของอัครทูตเปาโลว่า “พระองค์ได้ทรงช่วยเราให้รอด มิใช่ด้วยการกระทำที่ชอบธรรมของเราเอง แต่พระองค์ทรงพระกรุณา…” (ทิตัส 3:5)
กาลาเทีย 2:16 กล่าวว่า “ก็ยังรู้ว่าไม่มีผู้ใดเป็นคนชอบธรรมได้ โดยการประพฤติตามธรรมบัญญัติ แต่โดยศรัทธาในพระเยซูคริสต์เท่านั้น ถึงเราเองก็มีใจศรัทธาในพระเยซูคริสต์ เพื่อจะได้เป็นคนชอบธรรมโดยศรัทธาในพระคริสต์ ไม่ใช่โดยการประพฤติตามธรรมบัญญัติ เพราะว่าโดยการประพฤติตามธรรมบัญญัตินั้น ไม่มีมนุษย์คนใดเป็นคนชอบธรรมได้เลย” คุณต้องไว้วางใจในการงานที่สำเร็จแล้วของพระคริสต์เสมอ นั่นคือการดำเนินชีวิตโดยความเชื่อในพระองค์(กาลาเทีย 2:20) ฮาเลลูยา!
คำอธิษฐาน
ความเชื่อของฉันได้ผลและมีชัยเสมอ สถานการณ์ต่างๆสอดคล้องกับการกล่าวสารภาพที่เต็มไปด้วยความเชื่อของฉัน และฉันปกครอง ครอบครอง และควบคุมโลกของฉันโดยความเชื่อของฉัน ฉันเดินในพระพรที่บริบูรณ์ของข่าวประเสริฐของพระเยซูคริสต์และเพลิดเพลินไปกับความเป็นจริงนิรันดร์แห่งแผ่นดินของพระเจ้า ในพระนามพระเยซู อาเมน
ศึกษาเพิ่มเติม:เอเฟซัส 2:8-9; โรม 10:17; 2 โครินธ์ 4:13; ฮีบรู 11:1
Comments are closed