จันทร์ ที่ 18 กรกฎาคม 2016

ฟังด้วยหัวใจของคุณ
Listen With Your Heart

“แต่มนุษย์ธรรมดาจะรับสิ่งเหล่านั้น ซึ่งเป็นของพระวิญญาณแห่งพระเจ้าไม่ได้ เพราะเขาเห็นว่าเป็นสิ่งโง่เขลา และเขาไม่สามารถเข้าใจได้ เพราะว่าจะเข้าใจสิ่งเหล่านั้นได้ก็ต้องสังเกตด้วยวิญญาณ” (1 โครินธ์ 2:14)

    ค่านิยมของโลกนี้แตกต่างจากค่านิยมของโลกฝ่ายวิญญาณ ทางเดียวที่จะเข้าใจค่านิยมของโลกฝ่ายวิญญาณก็โดยผ่านทางการศึกษาพระคำ พระคำแสดงให้คุณเห็นสิ่งที่สำคัญต่อพระเจ้า คุณไม่สามารถเข้าใจค่านิยมเหล่านั้นโดยการให้เหตุผลอย่างมนุษย์ได้ พระเยซูตรัสว่า “…ด้วยว่าซึ่งเป็นที่นับถือมากท่ามกลางมนุษย์ ก็ยังเป็นที่เกลียดชังจำเพาะพระพักตร์พระเจ้า” (ลูกา 16:15) สิ่งนี้ได้เน้นย้ำในข้อพระคำตอนต้นของเรา สิ่งฝ่ายวิญญาณต้องเข้าใจด้วยวิญญาณ มนุษย์ธรรมดาไม่สามารถเข้าใจได้

นี่คือเหตุผลว่าทำไมจึงเป็นสิ่งสำคัญที่คุณจะต้องฝึกฝนตนเองให้ได้ยินและฟังด้วยวิญญาณของคุณ ยกตัวอย่างเช่นในคริสตจักรหรือในที่ประชุมของคุณ นอกจากว่าคุณจะฟังด้วยวิญญาณของคุณ คุณอาจเข้าใจผิดในสิ่งที่คุณได้ยิน และอาจรู้สึกไม่ดีในสิ่งที่มีคนพูดออกมา คริสเตียนบางคนรู้สึกโกรธศิษยาภิบาลหรือผู้นำของพวกเขา เพราะว่าพวกเขาฟังด้วยเนื้อหนังของพวกเขา ในขณะที่ความจริงฝ่ายวิญญาณกำลังถูกสื่อสารออกมาด้วยถ้อยคำของมนุษย์ ถ้าสิ่งที่กล่าวออกมานั้นเป็นสิ่งที่พวกเขารู้สึก “รับได้” สำหรับพวกเขา พวกเขาก็จะยอมรับสิ่งนั้น ไม่เช่นนั้นพวกเขาก็จะปฏิเสธมัน อย่าเป็นอย่างนั้น

อย่าดำเนินชีวิตตามความรู้สึก พระคำของพระเจ้าไม่ได้มีจุดประสงค์ให้ดึงดูดตามความรู้สึกของคุณ แต่เพื่อวิญญาณของคุณ เมื่อคุณรับพระคำเข้ามาด้วยวิญญาณของคุณ ทุกสิ่งเกี่ยวกับพระคำจะดูเหมือนมีเหตุผลกับคุณฝ่ายวิญญาณ จงตื่นเต้นกับพระคำของพระเจ้าที่มาถึงคุณ รับเอาสิ่งที่คุณได้ยินหรือถูกสอนในพระคำ เป็นเหมือนรากฐานสำหรับการก้าวหน้าในชีวิตของคุณ อย่าพบตัวเองถกเถียงกับพระคำ อย่าต่อสู้กับพระคำ รับพระคำด้วยหัวใจของคุณเสมอ

คำอธิษฐาน
    ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์ขอบพระคุณพระองค์สำหรับผลกระทบของพระคำของพระองค์ในชีวิตของข้าพระองค์ ข้าพระองค์รับเอาพระคำของพระองค์ในความจริง ด้วยความเชื่อ ความถ่อมใจ ความรัก และความยินดี ทำตามทุกสิ่งที่พระคำได้กล่าวไว้ เพื่อที่ข้าพระองค์จะเพิ่มพูนในสติปัญญาและสง่าราศี เพื่อถวายเกียรติแด่พระองค์ ในนามพระเยซู อาเมน

ศึกษาเพิ่มเติม: 1 เธสะโลนิกา 2:13; 2 พงศาวดาร 20:20; ยอห์น 12:40


Comments are closed