จันทร์ ที่ 10 พฤศจิกายน 2014

พระองค์ทรงมีชัยเหนือโลกนี้และประทานสันติสุขแก่คุณ
He Conquered The World And Gave You Peace

“เรามอบสันติสุขไว้ให้แก่ท่านแล้ว สันติสุขของเราที่ให้แก่ท่านนั้น เราให้ท่านไม่เหมือนโลกให้ อย่าให้ใจของท่านวิตกและอย่ากลัวเลย” (ยอห์น 14:27)

    เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ลึกซึ้ง! ไม่น่าแปลกใจที่ในฟิลิปปี 4:6-7 อาจารย์เปาโล ผ่านทางพระวิญญาณบริสุทธิ์ ได้เขียนไว้ว่า “อย่าทุกข์ร้อนในสิ่งใดๆ เลย แต่จงทูลเรื่องความปรารถนาของท่านทุกอย่างต่อพระเจ้า ด้วยการอธิษฐาน การวิงวอน กับการขอบพระคุณ แล้วสันติสุขแห่งพระเจ้าซึ่งเกินความเข้าใจ จะคุ้มครองจิตใจและความคิดของท่านไว้ในพระเยซูคริสต์” โลกทุกวันนี้กำลังมองหาสันติสุข พวกเขาพยายามที่จะทำทุกวิถีทางเพื่อให้มีสันติสุข แต่ยิ่งพวกเขาพยายามมากเท่าใด สันติสุขก็ยิ่งหลบหลีกพวกเขา พระคัมภีร์กล่าวว่า “เมื่อเขาพูดว่า “สงบสุขและปลอดภัยแล้ว” เมื่อนั้นแหละความพินาศก็จะมาถึงเขาทันที เหมือนกับความเจ็บปวดมาถึงหญิงที่มีครรภ์ เขาจะหนีก็ไม่พ้น” (1 เธสะโลนิกา 5:3) นี่คือสภาวะลำบากที่คนในโลกนี้กำลังเผชิญอยู่

พระเยซูได้บอกเราไว้ในยอห์น 16:33 “เราได้บอกเรื่องนี้แก่ท่าน เพื่อท่านจะได้มีสันติสุขในเรา ในโลกนี้ท่านจะประสบความทุกข์ยาก แต่จงชื่นใจเถิด เพราะว่าเราได้ชนะโลกแล้ว” พระองค์ได้มีชัยเหนือโลกนี้และได้ประทานชัยชนะเหนือโลกนี้แก่เรา พระองค์ทรง “ชนะ” โลกนี้ และเมื่อพระองค์ทำสำเร็จแล้ว พระองค์ได้ประทานสันติสุขกับเรา พระองค์ตรัสว่า “เรามอบสันติสุขไว้ให้แก่ท่านแล้ว สันติสุขของเราที่ให้แก่ท่านนั้น” พูดอีกนัยหนึ่งคือว่า “เราได้ให้สันติสุขแก่ท่านที่โลกนี้ไม่อาจให้ได้”

สันติสุขที่คุณมีในวิญญาณของคุณคือสันติสุขของพระเยซูคริสต์ที่เกินความเข้าใจ สถานการณ์รอบข้างอาจดูไม่ดี ทุกสิ่งดูเหมือนว่าเต็มด้วยปัญหา แต่สันติสุขซึ่งไม่สามารถอธิบายได้ของพระเจ้าจะปกป้องหัวใจและความคิดของคุณ! โลกนี้ไม่สามารถเข้าใจว่าเหตุใดคุณจึงยังมีสันติสุขได้ท่ามกลางวิกฤตกาลที่เกิดขึ้น นี่คือสันติสุขที่พระเยซูทรงประทานให้ เป็นสันติสุขที่ให้พลังแก่คุณเหนือวิกฤต

ถ้อยคำแห่งความเชื่อ
    ข้าพเจ้ามีสันติสุขในวิญญาณของข้าพเจ้า! ข้าพเจ้าเป็นพยานว่าข้าพเจ้ามีสันติสุขในทุกสถานการณ์ เพราะพระคริสต์ทรงเป็นสันติสุขของข้าพเจ้า ดังนั้น ข้าพเจ้าจึงมีชีวิตในสันติสุข ข้าพเจ้าเดินในสันติสุขทุกวันของชีวิต ในนามพระเยซู อาเมน

ศึกษาเพิ่มเติม:: ยอห์น 16:33; 2 โครินธ์ 13:11


Comments are closed