อังคาร ที่ 19 มิถุนายน 2018
พระคำในปากของคุณ
The Word On Your Lips

เพราะว่าการเชื่อด้วยใจก็นำไปสู่ความชอบธรรม และการยอมรับด้วยปากก็นำไปสู่ความรอด (โรม 10:10)

     ไม่เพียงพอที่จะรู้พระคำของพระเจ้าที่ปรากฏในกระดาษ ในหนังสือพระคริสตธรรม คุณต้องปลดปล่อยฤทธิ์อำนาจผ่านการพูด นั่นเป็นวิธีที่ทำให้พระคำทำงาน ด้วยพระคำในปากของคุณ คุณจะมีชีวิตแห่งชัยชนะและอยู่เหนือข้อจำกัดและสถานการณ์ต่างๆ

การกล่าวความเชื่อของคุณเป็นหลักการพื้นฐานฝ่ายวิญญาณ หากไม่มีการกล่าวถ้อยคำแห่งความเชื่อ แม้แต่ของประทานและพระพรแห่งความรอด ก็ไม่สามารถรับหรือทำให้เกิดผลได้ ลองดูข้อพระคัมภีร์ข้างต้นอีกครั้ง “เพราะว่าการเชื่อด้วยใจก็นำไปสู่ความชอบธรรม และการยอมรับด้วยปากก็นำไปสู่ความรอด” (โรม 10:10)

ความรอดได้รับการปลดปล่อยด้วยสองเงื่อนไขคือ เชื่อและรับด้วยปากว่า พระเยซูเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า เชื่อเท่านั้นไม่พอ ต้องมีการกล่าวยอมรับด้วยปาก เพื่อยืนยันความเชื่อ

เมื่อคุณกล่าวพระคำ คุณกำลังปลดปล่อยฤทธิ์อำนาจของพระเจ้าออกมา เป็นการปฏิบัติในการเพื่อคุณ ตัวอย่างเช่น พระเจ้าสั่งโยชูวาว่า “อย่าให้หนังสือธรรมบัญญัตินี้ห่างจากปากของเจ้า แต่จงตรึกตรองตามนั้นทั้งกลางวันและกลางคืน เพื่อเจ้าจะได้ระวังที่จะทำตามข้อความทุกประการที่เขียนไว้นั้น แล้วเจ้าจะมีความเจริญ และประสบความสำเร็จ” (โยชูวา 1:8)

ในภาษาฮีบรูคำว่า “ตรึกตรอง” คือคำว่า “hagah,” (ฮากาห์) ซึ่งหมายถึง ไตร่ตรอง จินตนาการ พูดพึมพำ พูดงึมงำ กล่าว ศึกษา พูด เปล่ง หรือ ตะโกน มันไม่ใช่เพียงการพูดถึงสิ่งที่คุณคิดในใจเกี่ยวกับพระคำ แต่หมายความว่าคุณควรจะเปล่งพระคำออกมา

ลองดูคำสั่งนี้ที่ไปถึงโยชูวา ไม่มีตอนใดบอกให้เราพูดให้ใครฟัง ดังนั้นไม่จำเป็นว่ามีใครฟังคุณหรือไม่ แค่พูดพระคำ เมื่อมีเรื่องต่างๆ เกิดขึ้น ใช้พระคำ กล่าวพระคำและเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆ พระคำของพระเจ้าในปากของคุณ คือการพูดของพระเจ้า

คำอธิษฐาน

     ข้าแต่พระบิดาที่รัก ขอบพระคุณพระองค์สำหรับความเชื่อที่ได้รับการเพิ่มพูนโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ เพื่อที่จะเปลี่ยนแปลงโลกของข้าพระองค์ และเปลี่ยนแปลงสถานการณ์เพื่อพระสิริของพระองค์ ข้าพระองค์เชื่อในความบริบูรณ์แห่งพระคริสต์ และในทุกสิ่งที่พระองค์ทำให้ข้าพระองค์ ดังนั้นข้าพระองค์จึงเดินในความชอบธรรม ชัยชนะ สุขภาพ สันติสุข ความก้าวหน้าและความจำเริญในทุกวันของข้าพระองค์ ในพระนามพระเยซู อาเมน

ศึกษาเพิ่มเติม: สุภาษิต 10:11; สุภาษิต 15:23


Comments are closed