“คนดีก็เอาของดีมาจากคลังแห่งความดีในตัวของเขา คนชั่วก็เอาของชั่วมาจากคลังแห่งความชั่วในตัวของเขา ส่วนเราบอกพวกท่านว่า คำที่ไม่เป็นสาระทุกคำซึ่งมนุษย์พูดนั้น มนุษย์จะต้องรับผิดชอบถ้อยคำเหล่านั้นในวันพิพากษา”(มัทธิว 12:35-36)

     ในสุภาษิต 16:29-30 พระคัมภีร์กล่าวว่า “คนโหดร้าย… ขยิบตากะแผนงานที่ตลบตะแลง บุคคลผู้เม้มปากของเขานำความชั่วร้ายให้เกิดขึ้น” จงคิดเกี่ยวกับสิ่งนั้น! ซึ่งบอกว่าคนชั่วปิดตาและคิดชั่ว ขยับริมฝีปากของเขา เขาทำให้สิ่งเหล่านั้นเกิดขึ้น กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือเขาใช้จินตนาการของเขาในการออกแบบความชั่วร้ายและสร้างสิ่งเหล่านั้นด้วยปากของเขา นี่กำลังพูดถึงหลักการของการใคร่ครวญ ซึ่งเกิดผลทั้งในทางบวกและทางลบ

พระเจ้ากำลังแสดงให้เราเห็นว่าความคิดชั่วร้ายทำงานอย่างไร และความคิดที่ดีทำงานอย่างไร เช่นเดียวกับที่คนชั่วร้ายสามารถทำงานตามหลักการนี้และสร้างผลลัพธ์ คนดีก็สามารถนำหลักการนี้ไปใช้ในการทำงานและสร้างผลลัพธ์ที่ดีได้เช่นกัน นั่นหมายความว่าคุณสามารถใช้จินตนาการของคุณ นั่นคือปิดตาของคุณและประดิษฐ์สิ่งที่ยอดเยี่ยมและเปี่ยมด้วยพระสิริ

จงฝึกฝนสิ่งนี้ พลังของจินตนาการของคุณคือความสามารถในการสร้างสรรค์ของคุณ จงหลับตาบ่อยๆและใคร่ครวญ ประดิษฐ์ภาพของสิ่งที่ยิ่งใหญ่ นั่นคือความเป็นไปได้จากพระคำของพระเจ้า และเริ่มพูดสิ่งเหล่านั้นออกมา ใช้หลักการนี้เพื่อสร้างชีวิตที่งดงามให้กับตัวคุณเองและคนรอบข้าง

นี่เป็นหนึ่งในหลายๆ เหตุผลและประโยชน์ของการอธิษฐาน เพราะว่าเมื่อคุณอธิษฐานคุณจะเห็นนิมิตของพระวิญญาณ เมื่อคุณเห็นนิมิตเหล่านั้นจงเขียนสิ่งเหล่านั้นลงไป และทำให้สิ่งเหล่านั้นเกิดขึ้นด้วยการป่าวประกาศถ้อยคำที่เต็มไปด้วยความเชื่อของคุณ

เราอ่านข้อพระคัมภีร์ตอนเริ่มต้นของเราว่าคนดีก็นำของดีออกมาจากคลังแห่งหัวใจของเขา ทุกสิ่งที่ดีที่คุณปรารถนาในชีวิตนั้นมีอยู่ในตัวคุณแล้ว จงเห็นและนำสิ่งเหล่านั้นออกมาด้วยคำพูดของคุณ สิ่งเหล่านั้นมีอยู่แล้วในมิติฝ่ายวิญญาณ แต่คำพูดของคุณทำให้สิ่งเหล่านั้นเป็นรูปธรรม

ถ้อยคำแห่งความเชื่อ