อาทิตย์ ที่ 3 ธันวาคม 2017
คุณดำเนินชีวิตในแผ่นดินแห่งพระบุตรของพระเจ้า
You Live In The Kingdom Of God’s Son
“พระองค์ทรงช่วยเราให้พ้นจากอำนาจของความมืด และทรงย้ายเราเข้ามาไว้ในอาณาจักรของพระบุตรที่รักของพระองค์” (โคโลสี 1:13)
คุณได้รับการ “ปลดปล่อย” จากอำนาจแห่งความมืด และเข้าสู่อาณาจักรของพระบุตรที่รักของพระเจ้า คุณอยู่ในแผ่นดินนั้นแล้ว ไม่ใช่ตอนที่คุณไปสวรรค์ นี่คือเหตุผลที่ว่าเป็นสิ่งที่ไม่สอดคล้องในการที่จะยอมรับหรือแม้แต่คิดว่าคริสเตียนจำเป็นต้องได้รับการปลดปล่อยจากซาตาน
ซาตานและคริสเตียนไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกัน คริสเตียนนั้นอยู่ในอาณาจักรของบุตรที่รักของพระเจ้า ซึ่งอยู่สูงเหนือกว่าระดับของซาตานอย่างมาก เอเฟซัส 2:6 กล่าวว่าเราได้ถูกทำให้เป็นขึ้นมาร่วมกันและนั่งอยู่ในสวรรคสถานในพระเยซูคริสต์ เรานั่งอยู่กับพระคริสต์ เหนือบรรดาอำนาจของโลกนี้ นี่คือความจริง
ตราบใดที่คริสเตียนคิดว่าเขาได้รับการรบกวนโดยมารร้ายและต้องได้รับการปลดปล่อย คริสเตียนคนนั้นได้ออกจากที่อาศัยของเขาแล้ว เพราะว่าคำถามที่ต้องถามคือว่ามารร้ายได้เจอเขาที่ไหน? แน่นอนว่าไม่ใช่ในพระคริสต์ ที่ซึ่งเขาควรจะนั่งอยู่เหนือกว่าพวกมัน! นั่นคือเหตุผลว่าในฐานะคริสเตียน เป็นสิ่งสำคัญที่คุณต้องรู้พระคำของพระเจ้าด้วยตัวคุณเอง คุณจำเป็นต้องรู้ว่าตัวคุณเองเป็นใคร คุณมีอะไร คุณอยู่ที่ไหน และความสามารถอะไรที่คุณมีในพระคริสต์ คุณไม่จำเป็นต้องกลัวมารร้าย! คุณมีอำนาจเหนือมัน
ถ้าคุณมีประสบการณ์กับการโจมตีฝ่ายวิญญาณ อาจเป็นเพราะว่าคุณไม่รู้ว่าจะต้องทำอะไร สิ่งที่คุณต้องทำทั้งหมดคือกล่าวว่า “ในพระนามของพระเยซู-คริสตต์ ซาตานจงหยุด! จากวันนี้เป็นต้นไป เจ้าไม่สามารถกลับมาได้อีกแล้ว” แน่นอนว่ามันจะหนีไปและไม่กลับมาอีกเลยโดยการบังเกิดใหม่ คุณดำเนินชีวิตต่อพระพักตร์พระเจ้า และดำเนินอยู่ในการปกครองของพระคริสต์ ดำเนินชีวิตแห่งชัยชนะที่คุณได้รับในพระองค์
คำอธิษฐาน
ข้าแต่พระบิดาในสวรรค์ ข้าพระองค์ขอบพระคุณพระองค์ที่ทรงนำข้าพระองค์ออกจากแผ่นดินแห่งความมืดเข้าสู่แผ่นดินแห่งพระบุตรอันเป็นที่รักของพระองค์ คือพระเยซูคริสต์ ข้าพระองค์ขอบพระคุณพระองค์ที่ทรงนำข้าพระองค์เข้าสู่พระคริสต์ พระคริสต์ทรงเป็นสถานที่ของข้าพระองค์ เป็นสถานที่แห่งสุขภาพ ความมั่งมี ความปลดภัย ความรุ่งเรือง และความยิ่งใหญ่ เจ้าในโลกนี้คือซาตานไม่มีสิทธิ์ในข้าพระองค์ ถวายพระเกียรติแด่พระนามของพระองค์ตลอดไป อาเมน
ศึกษาเพิ่มเติม: ยอห์น 1:11-13; ฟีลิปปี 2:15; 1 ยอห์น 3:2
Comments are closed