ฉะนั้นความเชื่อเกิดขึ้นได้ก็เพราะการได้ยิน และการได้ยินเกิดขึ้นได้ก็เพราะการประกาศพระคริสต์ (โรม 10:17)

     ครั้งหนึ่งเมื่อซีโมนเปโตรและเพื่อนร่วมงานของเขาได้ออกไปจับปลาแต่ไม่ประสบความสำเร็จและกำลังเตรียมที่จะทอดสมอเรือของพวกเขาสำหรับคืนนี้เมื่อพระเยซูเสด็จผ่านมา พระองค์ขอให้เปโตรย้ายเรือออกไปในทะเลเล็กน้อยเพื่อให้พระองค์ทำพันธกิจต่อฝูงชนที่มาที่นั่น

เปโตรต้องการพระเยซูและพระองค์ทรงเทศนาจากเรือของเปโตร เมื่อพระเยซูทำพันธกิจเสร็จแล้ว พระองค์ตรัสกับเปโตรว่า “…จงถอยออกไปที่น้ำลึก แล้วหย่อนอวนลงจับปลา” สังเกตส่วนที่ขีดเส้นใต้ของการตอบสนองของเปโตร เขากล่าวว่า “…นาย เราทอดอวนมาตลอดทั้งคืนแล้วไม่ได้อะไรเลย แต่ข้าพเจ้าก็จะหย่อนอวนลงตามคำของท่าน” (ลูกา 5:4-5) เกิดอะไรขึ้นกับเปโตร? ความเชื่อได้ถูกถ่ายเทให้แก่เขาในขณะที่เขาฟังพระเยซูเทศนาและสอน ดังนั้นจึงเป็นเรื่องง่ายสำหรับเขาที่จะปฏิบัติตามคำพูดของนาย

ถึงแม้ว่าเปโตรรู้ว่าตามธรรมชาติแล้ว เขาและเพื่อนร่วมงานไม่สามารถจับปลาได้ในเวลากลางคืน, ต้องทุกข์ทรมานกับทะเลด้วยความพยายามที่ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยตลอดคืนของพวกเขา เขาตอบสนองด้วยความเชื่อต่อพระวจนะของพระเยซู และผลลัพธ์ที่ได้ก็เกินกว่าที่จะจินตนาการได้ พระคัมภีร์กล่าวว่า “… พวกเขาจับปลาได้จำนวนมากจนอวนของเขาเริ่มจะปริ พวกเขาจึงทำสัญญาณบอกเพื่อนๆ ที่อยู่ในเรืออีกลำหนึ่งให้มาช่วย พวกเขาก็มา และได้ปลาเต็มเรือทั้งสองลำจนเรือเพียบ” (ลูกา 5:6-7)

ความสำคัญของความเชื่อในชีวิตของคริสเตียนไม่สามารถได้รับการเน้นหนักเกินไป ความเชื่อคืออะไร? เป็นการตอบสนองของวิญญาณมนุษย์ต่อพระวจนะของพระเจ้า เมื่อคุณได้ยินพระวจนะของพระเจ้าและตอบสนองโดยปราศจากความสงสัยหรือความไม่เชื่อเหมือนอย่างเปโตรทำ ก็ให้แน่ใจได้เลยว่าคุณจะมีคำพยาน ดังนั้นจงเพิ่มพูนความเชื่อของคุณผ่านทางพระวจนะเสมอ และทำให้เข้มแข็งด้วยการออกำลังกาย นั่นคือการทำให้พระวจนะทำงาน

คำอธิษฐาน