ศุกร์ ที่ 3 พฤศจิกายน 2017
ความสำคํญของการนมัสการร่วมกัน
Importance Of Corporate Worship

“ดูเถิด เป็นการดีและน่าชื่นใจมากสักเท่าใด ที่พี่น้องอาศัยอยู่ด้วยกันเป็นน้ำหนึ่งใจเดียว เหมือนน้ำมันประเสริฐอยู่บนศีรษะ ไหลลงมาบนหนวดเครา บนหนวดเคราของอาโรน ไหลลงมาบนคอเสื้อของท่าน เหมือนน้ำค้างของภูเขาเฮอร์โมน ซึ่งตกลงบนเทือกเขาศิโยน เพราะว่าพระยาห์เวห์ทรงบัญชาพระพรที่นั่น คือชีวิตยืนยาวเป็นนิตย์”(สดุดี 133:1-3)

    หนึ่งในประโยชน์มากมายของการไปร่วมประชุมที่คริสตจักรคือโอกาสในการนมัสการร่วมกัน การนมัสการพระเจ้าส่วนตัวของคุณเป็นสิ่งที่ดีมาก แต่ในฐานะคริสเตียน เราต้องมาร่วมประชุมกันเพื่อนมัสการพระเจ้า เพราะว่าพระประสงค์ของพระองค์คือการทำให้ลูกของพระองค์เติบโตขึ้นอย่างเป็นครอบครัว แน่นอนที่สุด มีครอบครัวที่ไม่มีใครรู้จักกัน คือไม่มีการสื่อสารระหว่างพ่อแม่และลูก แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ควรจะเป็น

พระเจ้าทรงอนุญาตให้เรามีการนมัสการส่วนตัว การอธิษฐานส่วนตัว และการรับใช้ส่วนตัว แต่ก็ยังมีการประชุมนมัสการ การประชุมอธิษฐาน และการรับใช้ร่วมกัน สิ่งที่เราทำร่วมกันในฐานะที่ประชุม เช่นเดียวกับการที่เราแต่ละคนมีความรับผิดชอบในการศึกษาพระคำของพระเจ้าเป็นการส่วนตัว เราควรที่จะมาร่วมกันเพื่อฟังพระคำของพระเจ้าในที่ประชุมด้วย มีความรับผิดชอบของคริสเตียน และเราได้รับการออกแบบโดยพระเจ้าเพื่อการเติบโต การเสริมสร้างในฐานะลูกของพระเจ้า และในฐานะพระกายของพระคริสต์ร่วมกัน

อย่าขาดสิ่งนี้ สิ่งนี้ไม่ใช่เป็นเพียงแค่รายการของคริสตจักรเท่านั้น แต่เป็นความรับผิดชอบที่ประทานให้แก่เราผ่านทางพระคำของพระเจ้า ไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าคุณรู้สึกอยากจะทำหรือไม่ เพราะว่าแม้ว่าคุณจะไม่รู้สึกต้องการจะไปทำงานตอนเช้าวันจันทร์ คุณก็ยังคงไปเพราะว่างานเป็นสิ่งสำคัญสำหรับคุณ

ทำให้แน่ใจว่าคุณได้ใช้โอกาสในการประชุมนมัสการร่วมกับผู้เชื่อคนอื่นๆ ดาวิดกล่าวว่า “ช่างน่าชื่นใจที่พวกเขากล่าวว่าให้เราเข้าไปยังวิหารของพระเจ้า” ฮาเลลูยา!

คำอธิษฐาน

    ข้าแต่พระบิดา ขอบพระคุณพระองค์สำหรับคำสั่งสอนของพระคำของพระองค์ ตอนนี้ ข้าพระองค์จะให้ความสำคัญกับการไปคริสตจักรและการสามัคคีธรรมร่วมกับผู้เชื่อคนอื่นๆ มากกว่าที่เคยเป็นมา และตรงตามพระคำของพระองค์ พระพรของพระองค์ปรากฏชัดในชีวิตของข้าพระองค์ และพระสิริของพระองค์ได้รับการมองเห็นในทุกสิ่งที่ข้าพระองค์ ทำ ในนามพระเยซู อาเมน

ศึกษาเพิ่มเติม: สดุดี 121:1; ฮีบรู 10:25; ยอห์น 4:24


Comments are closed