เสาร์ ที่ 6 สิงหาคม 2016
ความชอบธรรมของพระองค์ในวิญญาณของคุณ
His Righteousness In Your Spirit
“เพราะว่าพระเจ้าได้ทรงกระทำพระองค์ผู้ทรงไม่มีบาปให้บาป เพราะเห็นแก่เรา เพื่อเราจะได้เป็นคนชอบธรรมของพระเจ้าทางพระองค์” (2 โครินธ์ 5:21)

    ความชอบธรรมคือของประทานจากพระเจ้าที่คุณไม่สมควรจะได้รับ แต่เมื่อคุณบังเกิดใหม่ คุณได้บังเกิดเป็นผู้ชอบธรรม ด้วยธรรมชาติของพระเจ้า เป็นธรรมชาติแห่งความชอบธรรม

ศาสนาสอนว่าถ้ามนุษย์มีชีวิตที่ถูกต้อง พระเจ้าจะถือว่าเขาเป็นคนชอบธรรม แต่นั่นเป็นสิ่งที่ผิด แท้จริงแล้วเป็นสิ่งตรงข้าม ไม่มีใครที่สามารถมีชีวิตที่ชอบธรรมได้ จนกว่าเขาจะถูกทำให้ชอบธรรมโดยพระเจ้าก่อน ความชอบธรรมของพระเจ้าที่อยู่ในวิญญาณของคุณคือสิ่งที่จะให้ความสามารถกับคุณในการมีชีวิตที่ถูกต้อง

ดังนั้น ในการเป็นคริสเตียน สิ่งที่พระเจ้าทำก่อนอื่นคือทำให้คุณชอบธรรม ก่อนที่พระองค์จะสามารถคาดหวังให้คุณมีชีวิตที่ถูกต้องได้ พระคำกล่าวว่าพระเยซูคริสต์สิ้นพระชนม์เพื่อความผิดของเรา และถูกชุบให้เป็นขึ้นจากความตายเพื่อการชำระของเรา (โรม 4:25) การชำระให้บริสุทธิ์หมายถึงการประกาศว่าชอบธรรม เมื่อคนต้อนรับพระคริสต์ เข้าได้รับเอาชีวิตใหม่ และเป็นเหมือนคนที่ไม่เคยเป็นมาก่อน นั่นคือผู้ที่ถูกสร้างใหม่ในพระคริสต์

ชีวิตใหม่นี้ไม่ได้ถูกกำหนดโดยความบาป ชีวิตใหม่นี้อยู่เหนือความบาป มารร้าย ความตาย และนรก ชีวิตใหม่นี้เป็นชีวิตแห่งความชอบธรรม ตอนนี้คุณสามารถมีชีวิตที่ชอบธรรมได้ เหตุผลที่มนุษย์ทำบาปก็เพราะว่าพวกเขาเป็นคนบาปโดยธรรมชาติ ธรรมชาตินั้นถูกถอนออกไปโดยธรรมชาติแห่งความชอบธรรมของพระเจ้าเมื่อคนๆ นั้นบังเกิดใหม่ เพราะว่าคุณบังเกิดใหม่แล้ว ความบาปจึงไม่มีอำนาจเหนือคุณ แต่กลายเป็นธรรมชาติสำหรับคุณในการดำเนินชีวตอย่างถูกต้อง และทำให้น้ำพระทัยของพระบิดาสำเร็จ เพราะว่าความชอบธรรมของพระองค์นั้นอยู่ในวิญญาณของคุณ

คำอธิษฐาน

    ข้าพเจ้าถูกตรึงไว้กับพระคริสต์แล้ว ข้าพเจ้าไม่มีชีวิตอยู่อีกต่อไป แต่พระคริสต์ต่างหากที่มีชีวิตภายในข้าพเจ้า และชีวิตที่ข้าพเจ้ามีตอนนี้ ข้าพเจ้ามีชีวิตโดยความเชื่อของพระบุตรของพระเจ้า ผู้ที่ทรงรักข้าพเจ้าและประทานพระองค์เองแก่ข้าพเจ้า ความชอบธรรมของพระองค์ในวิญญาณของข้าพเจ้าถูกสำแดงออกภายนอก เป็นธรรมชาติสำหรับข้าพเจ้าที่จะมีชีวิตอย่างถูกต้องและทำให้น้ำพระทัยของพระบิดาสำเร็จ เพราะว่าความชอบธรรมของพระองค์ในวิญญาณของข้าพระองค์

ศึกษาเพิ่มเติม: โรม 3:20-22; 1 เปโตร 2:24; โรม 5:1


Comments are closed