ศุกร์ ที่ 5 มิถุนายน 2015

การทำให้มีตัวตนของพระคริสต์ภายในคุณ
The Personification Of Christ In You

“เพื่อพระคริสต์จะทรงสถิตในใจของท่านทางความเชื่อ เพื่อว่าเมื่อท่านได้วางรากลงมั่นคงในความรักแล้ว ท่านก็จะได้มีความสามารถหยั่งรู้พร้อมกับธรรมิกชนทั้งหมด ถึงความกว้าง ความยาว ความสูง ความลึก” (เอเฟซัส 3:17-18)

    สังเกตว่าอาจารย์เปาโลในข้อพระคำตอนต้นไม่ได้กล่าวว่า “เพื่อพระเยซูจะทรงสถิตในใจของท่านทางความเชื่อ…” แต่กล่าวว่า “เพื่อพระคริสต์จะทรงสถิตในใจของท่านทางความเชื่อ…” พระเยซูได้เสด็จขึ้นสู่สวรรค์ พระเยซูทรงสถิตอยู่ในสวรรค์ ดังนั้นสิ่งที่กำลังกล่าวถึงในตอนนี้ไม่ใช่พระเยซูคริสต์ที่เป็นบุคคลสถิตในใจของคุณ แต่กำลังกล่าวถึงสิ่งที่เป็นคุณลักษณะ บุคลิก ความสามารถแห่งพระสิริและพระคุณของพระคริสต์ การทำให้มีตัวตนของพระคริสต์ภายในคุณ และสิ่งนั้นทำให้เกิดขึ้นได้โดยพระวิญญาณบริสุทธิ์

นั่นคือเหตุผลว่าทำไม เมื่อเรากล่าวว่า “พระคริสต์ภายในมนุษย์” เรากำลังมองดูที่คุณลักษณะ ความงดงาม สง่าราศี ฤทธิ์เดช และความชอบธรรมทั้งหมดของพระเจ้าที่รวมอยู่ในมนุษย์คนหนึ่ง ดังนั้นคริสเตียนจึงไม่ใช่เป็นเพียงคนที่เคร่งศาสนา แต่คริสเตียนคือคนที่พระคริสต์สถิตอยู่ภายใน

คำว่า “สถิต” ที่ใช้ในข้อพระคัมภีร์ตอนต้นมีความหมายด้วยว่า “ตั้งรกราก” ดังนั้นคริสเตียนคือผู้ที่พระคริสต์เข้ามาตั้งรกรากอยู่ พูดอีกนัยหนึ่งคือ โดยการบังเกิดใหม่ พระคริสต์ได้เข้ามาอยู่ในใจของคุณ คุณภาพทั้งหมด บุคลิก และพระลักษณะของพระคริสต์ คือพระวิหารในวิญญาณของคุณ! คุณได้กลายเป็นเหมือนพระองค์ เพราะว่าพระองค์ได้ตั้งรกราก และสร้างบ้านของพระองค์ในใจของคุณโดยความเชื่อ ทุกสิ่งเกี่ยวกับพระองค์เดี๋ยวนี้ได้อยู่ในวิญญาณของคุณ

ไม่น่าแปลกใจที่พระคัมภีร์กล่าวว่า พระองค์เป็นอย่างไร เราก็เป็นอย่างนั้นในโลกนี้ (1 ยอห์น 4:17) เพราะว่าชีวิตของพระองค์ คุณภาพบุคลิกของพระองค์ของพระองค์และพระลักษณะของพระสิริของพระองค์ทั้งหมดอยู่ภายในคุณในวันนี้ ความจริงที่ประเสริฐ!

คำอธิษฐาน
    ข้าพเจ้านั่งอยู่ร่วมกับพระคริสต์ในสถานที่แห่งอิทธิพล ฤทธิ์เดช และสิทธิอำนาจ ที่ซึ่งข้าพเจ้าครอบครอง และปกครองร่วมกับพระองค์ พระคริสต์ได้ตั้งรกรากและสร้างบ้านของพระองค์ในใจของข้าพเจ้าโดยความเชื่อ ดังนั้น คุณภาพแห่งบุคลิกของพระองค์ ความงดงามและพระคุณของพระองค์ประจักษ์แจ้ง และสำแดงออกผ่านทางข้าพเจ้า ในนามพระเยซู อาเมน

ศึกษาเพิ่มเติม: ยอห์น 14:7-9; ลูกา 4:18-19


Comments are closed