จันทร์ ที่ 4 ธันวาคม 2017
การตั้งโปรแกรมของพระคำ
The Programming Of The Word
“จงให้พระวจนะของพระคริสต์อยู่ในพวกท่านอย่างบริบูรณ์ จงสั่งสอนและเตือนสติกันด้วยปัญญาทั้งสิ้น จงร้องเพลงสดุดี เพลงนมัสการ และเพลงฝ่ายจิตวิญญาณด้วยการขอบพระคุณพระเจ้าในใจของท่าน” (โคโลสี 3:16)

    1 เปโตร 1:23 กล่าวว่า “ท่านทั้งหลายได้บังเกิดใหม่แล้ว ไม่ใช่จากเมล็ดพันธุ์ที่เสื่อมสลายได้ แต่จากเมล็ดพันธุ์ที่ไม่เสื่อมสลาย คือจากพระวจนะของพระเจ้าที่มีชีวิตและดำรงอยู่” คุณเป็นผลผลิตของเมล็ดพันธุ์ที่ไม่เสื่อมสลายของพระเจ้า คือพระคำของพระองค์ จุดกำเนิดของคุณอยู่ในพระคำของพระเจ้า ดังนั้นชีวิตของคุณควรที่จะได้รับการตั้งโปรแกรมโดยพระคำ บางคนตั้งโปรแกรมชีวิตของพวกเขาสำหรับความล้มเหลว ความขาดแคลน ความยากจน และความเจ็บป่วย ด้วยถ้อยคำที่พวกเขาพูด

ยกตัวอย่างผู้ปกครองบางท่าน พูดถ้อยคำในแง่ลบกับลูกของพวกเขา จินตนาการถึงพ่อแม่ที่บอกลูกอายุห้าขวบในความรู้สึกรำคาญว่า “เธอบ้าไปแล้ว” และลูกคนนั้นเมื่ออายุได้สิบห้าปีก็เริ่มต้นมีพฤติกรรมที่บ้าคลั่ง พ่อแม่สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น แต่พวกเขาได้ตั้งโปรแกรมที่ผิดกับลูกคนนั้นโดยการพูดถถ้อยคำในแง่ลบเข้าไปในความคิดและวิญญาณของเขา ผ่านถ้อยคำของพวกเขา และเด็กคนนั้นไม่มีทางเลือกนอกจากจะปฏิบัติสิ่งเหล่านั้น และกลายเป็นสิ่งที่พ่อแม่ได้บอกว่าเขาเป็น

จงระวังในสิ่งที่คุณพูด เพราะว่าพระเยซูได้ตรัสว่า “เพราะว่าพวกท่านจะพ้นผิดหรือถูกตัดสินลงโทษ ก็เพราะคำพูดของท่าน” (มัทธิว 12:37) ใช้พระคำของพระเจ้าในการตั้งโปรแกรมตัวคุณเองสำหรับความยิ่งใหญ่ พระคำของพระเจ้ามีพลัง จากคำกำชับของพระเจ้าในโยชูวา 1:8 เราได้พบว่าความสำเร็จในชีวิตมาจากการภาวนาพระคำของพระเจ้า นี่เป็นเหตุผลที่เราเน้นย้ำการศึกษาพระคำเป็นการส่วนตัว

ซึมซับวิญญาณของคุณด้วยพระคำอย่างตั้งใจ เป็นทางเดียวที่คุณจะสามารถตั้งโปรแกรมตัวคุณเองเพื่อความยอดเยี่ยม และเพื่อการทำให้น้ำพระทัยของพระเจ้าในชีวิตของคุณสำเร็จในพระคริสต์

คำอธิษฐาน

    ข้าพเจ้าบังเกิดจากพระคำของพระเจ้าที่เป็นเมล็ดพันธุ์ที่ไม่เสื่อมสลาย ดังนั้นต้นกำเนิดของข้าพเจ้าอยู่ในพระคำ ข้าพเจ้าเชื่อมต่อกับพระคำ ซึ่งโปรแกรมข้าพเจ้าสำหรับชีวิตที่ยิ่งใหญ่ในพระคริสต์ ข้าพเจ้าประสบความสำเร็จในทุกสิ่ง ทำให้น้ำพระทัยของพระเจ้าสำเร็จในข้าพเจ้า และอยู่บนที่สูงของแผ่นดินโลกนี้โดยพระคำของพระเจ้า ในนามพระเยซู อาเมน

ศึกษาเพิ่มเติม: โรม 12:1-2; 1 โครินธ์ 2:16; 2 ทิโมธี 3:15


Comments are closed